ห้องผ่าตัดไฮบริดเหมาะกับการรักษาแบบใด?
ห้องผ่าตัดไฮบริด เหมาะสำหรับการรักษาผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรักษาด้วยวิธีสายสวนทางหลอดเลือด และมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะต้องผ่าตัดแก้ไขหากเกิดข้อผิดพลาด เช่น
- การใช้สายสวนรักษาเส้นเลือดใหญ่โป่งพอง Endovascular aneurysmoraphy EVAR ซึ่งลดผลแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้มาก
- การเปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยการใช้สายสวน Tran Arterial Valvular Implantation (TAVI) โดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดหัวใจ สาหรับผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัดใหญ่
- การรักษาที่ต้องใช้การรักษาร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา เช่น การรักษาการเต้นของหัวใจผิดปกติ Electrophysiology เป็นต้น
ห้องผ่าตัดไฮบริดให้ประสิทธิภาพเหนือกว่าการผ่าตัดทั่วไปอย่างไร?
- กระบวนการในการวินิจฉัยและรักษาเกิดขึ้นได้ในครั้งเดียวกัน (one visit)
- หัตถการปลอดภัย (safer procedures)
- ระยะเวลาทำหัตถการสั้นลง (shorter procedures)
- ได้ภาพทางรังสีระหว่างหัตถการ (faster imaging)
- ผลลัพธ์การรักษาดี (better outcomes)
- พักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเวลาสั้นลง (shorter hospital stays)
- เหมาะกับผู้ป่วยที่มีภาวะโรคซับซ้อนและมีภาวะเสี่ยงสูง
Hybrid Operating Room ถูกออกแบบรองรับการผ่าตัดอย่างไร?
- ห้องจะมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ เพื่อการทำงานร่วมกันของสหสาขาวิชาชีพอย่างเป็นระบบ เช่น ศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ อายุรแพทย์หัวใจ วิสัญญีแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่รังสีเทคนิค
- Hybrid Operating Room เป็นห้องปลอดเชื้อ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการผ่าตัด
- อุปกรณ์ในห้องผ่าตัดออกแบบให้สามารถเคลื่อนที่ได้สะดวกไม่ขัดขวางการผ่าตัดโดยทั่วไป
- เทคโนโลยี Flexmove ที่สามารถถ่ายภาพเอกซ์เรย์ได้ 360 องศา ช่วยให้แพทย์ทาการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยซับซ้อนได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เตียงผ่าตัดสามารถปรับองศาได้ ช่วยให้การผ่าตัดรักษามีความหลากหลายมากขึ้น
เทคโนโลยีครบวงจรอย่างไร?
อุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในห้องผ่าตัดไฮบริดจะต้องประกอบด้วย
1. อุปกรณ์สำหรับผ่าตัดโดยทั่วไป
-
- เตียงผ่าตัด
- เครื่องมือผ่าตัด
- เครื่องดมยาสลบ
- ไฟส่องผ่าตัด
2. อุปกรณ์สาหรับการทำหัตถการใช้สายสวนหลอดเลือดผ่านผิวหนัง
- อุปกรณ์เอกซเรย์ประสิทธิภาพสูงสามารถสร้างภาพที่ละเอียดได้ทันที
- อุปกรณ์สาหรับวัดความดันเลือดจากสายสวนทันที
3. การทำงานร่วมกับระบบเอกซเรย์
สามารถรู้ขนาดและตำแหน่งของอวัยวะ เพื่อสร้างภาพสามมิติทำให้วางแผนการรักษาได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งสามารถส่งสัญญาณภาพพร้อมเสียง สื่อสารโต้ตอบกันได้จากห้องผ่าตัดไปยังห้องประชุม เพื่อประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ในอนาคต และการทำงานร่วมกันระหว่างเตียงผ่าตัด
ห้องผ่าตัดไฮบริดเหมาะสำหรับผู้ป่วยประเภทใด
ผู้ป่วยกลุ่มโรคซับซ้อนที่ใช้การรักษาผ่านทางสายสวนร่วมระหว่างการผ่าตัดด้วยหรือมีความเสี่ยงสูงที่อาจจะต้องผ่าตัดแก้ไขหากเกิดข้อผิดพลาด ได้แก่
1. กลุ่มผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด (Cardio Vascular Thoracic Surgery)
- coronary artery bypass surgery, CABG ร่วมกับ coronary angiogram
- ผู้ป่วยที่มีความจาเป็นต้องใส่ขดลวดเพื่อขยายหลอดเลือดหัวใจด้วย stent grafts ในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดแดงโป่งฟอง (Thoracic Aorta Aneurysm)
- การเปลี่ยนลิ้นหัวใจผ่านทางสายสวนหลอดเลือด (Tran Arterial Valvular Implantation :TAVI)
2. กลุ่มผู้ป่วยโรคหลอดเลือด (Vascular Surgery)
- การใช้สายสวนรักษาเส้นเลือดใหญ่โป่งพอง Endovascular aneurysmoraphy (EVAR) ซึ่งลดผล แทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้มาก
3. กลุ่มผู้ป่วยระบบประสาทและสมอง (Neurosurgery)
- ผิดปกติของหลอดเลือดแดงและดา เป็นการต่อกันของเส้นเลือดดาและแดงไม่สมบูรณ์ ทาให้การเดินเลือดไม่ปกติ เกิดปมเหมือนลูกโป่งที่โป่งขึ้นเรื่อยๆ และแตกในที่สุดเป็นความผิดปกติของหลอดเลือดมาแต่กาเนิด ทาให้เกิดอาการชัก (Arteriovenous malformation)
- เส้นเลือดโป่งพองในสมอง หรือ Cerebral aneurysm เราไม่ทราบสาเหตุการเกิดแน่ชัดแต่พบว่าชั้นของเส้นเลือดในสมองที่โป่งพองมีความยืดหยุ่นน้อยกว่า และในชั้นกลางมีกล้ามเนื้อน้อยกว่า ส่วนมากเส้นเลือดที่โป่งพองจะอยู่ตรงที่เส้นเลือดมีการโค้ง อยู่ตรงมุมที่เส้นเลือดมีการแยกแขนงการเสื่อมของเส้นเลือด ร่วมกับความดันโลหิตสูงอาจเป็นปัจจัยที่เสริมในการเกิดร่วมกับเส้นเลือดที่ผิดปกติแต่กาเนิด นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นอีก เช่น จากอุบัติเหตุการติดเชื้อ