โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) คือโรคติดเชื้อร้ายแรงที่เกิดจากแบคทีเรีย Bacillus anthracis ซึ่งสามารถสร้างสปอร์ที่มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมและอยู่ได้นานหลายสิบปี ส่วนใหญ่มักพบในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วัว ควาย แพะ แกะ และอาจแพร่สู่คนได้ผ่านการสัมผัสสัตว์ติดเชื้อหรือบริโภคเนื้อสัตว์ที่ปนเปื้อน โดยโรคนี้สามารถรักษาได้หากได้รับการวินิจฉัยเร็ว แต่หากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
‘โรคแอนแทรกซ์’ เกิดจากอะไร?
โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า Bacillus anthracis ซึ่งเป็นแบคทีเรียแกรมบวกที่สามารถสร้าง “สปอร์” (spore) ได้ และสามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้ 3 ทางหลัก ได้แก่ |
- ทางผิวหนัง จากการสัมผัสกับสัตว์ติดเชื้อหรือผลิตภัณฑ์สัตว์ (เช่น ขน หนัง เขา) โดยมีแผลหรือรอยถลอกบนผิวหนัง
- ทางการหายใจ สูดดมสปอร์ของเชื้อที่ปะปนในฝุ่น ดิน ขนสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์แห้งจากสัตว์ติดเชื้อ
- ทางการกิน บริโภคเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุกจากสัตว์ที่มีเชื้อ เช่น วัว แพะ แกะ
เชื้อ Bacillus anthracis ไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้โดยตรง แต่สามารถแพร่จากสัตว์สู่คนผ่านสปอร์ที่ทนทานและกระจายได้ในสิ่งแวดล้อม
อาการของโรคแอนแทรกซ์ แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ
1. แอนแทรกซ์ทางผิวหนัง (Cutaneous Anthrax) พบมากที่สุด คิดเป็นกว่า 90% ของผู้ป่วยทั้งหมด
- เริ่มจากตุ่มนูนแดง → กลายเป็นตุ่มน้ำใส → กลายเป็นแผลมีสะเก็ดดำตรงกลาง
- โดยทั่วไปไม่เจ็บ แต่หากไม่ได้รับการรักษา เชื้ออาจลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด
2. แอนแทรกซ์ทางระบบหายใจ (Inhalation Anthrax) รุนแรงที่สุด และอาจเสียชีวิตได้ภายในไม่กี่วัน
- เริ่มต้นคล้ายไข้หวัด → ไอ เจ็บหน้าอก หายใจติดขัด
- เชื้อจะทำให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลวหรือติดเชื้อในกระแสเลือด
3. แอนแทรกซ์ทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Anthrax) เกิดจากการกินเนื้อสัตว์ที่ปนเปื้อนเชื้อ
- อาการได้แก่ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสียรุนแรง อาจมีเลือดปน
- อาจมีเลือดปนในอุจจาระ หรืออาเจียนเป็นเลือด
- หากไม่รักษา อาจเกิดภาวะลำไส้อักเสบหรือช็อกได้
4. แอนแทรกซ์จากการฉีดเข้าเส้น (Injection Anthrax) พบในผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ซึ่งพบมากในบางประเทศยุโรป
- บวมแดงอย่างรวดเร็วบริเวณที่ฉีด
- มีเนื้อตาย แผลลึก ติดเชื้อลุกลาม
- มีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดสูงและอาจเสียชีวิตได้
วินิจฉัยอย่างไรว่าเป็นโรคแอนแทรกซ์
แพทย์จะซักประวัติและตรวจร่างกาย ร่วมกับส่งตรวจเพิ่มเติม อาทิ
- การเพาะเชื้อจากแผล เลือด หรือเสมหะ
- การตรวจ PCR เพื่อหา DNA ของเชื้อ
- การเอกซเรย์หรือ CT scan กรณีสงสัยการติดเชื้อทางปอด
วิธีรักษาโรคแอนแทรกซ์
หากพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การรักษาสามารถช่วยให้หายได้ โดยทั่วไปใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น Ciprofloxacin, Doxycycline, Penicillin กรณีติดเชื้อรุนแรงหรือเข้าสู่กระแสเลือด อาจต้องใช้ยาต้านพิษเพิ่มเติม และเข้ารับการดูแลในห้องผู้ป่วยวิกฤต
ป้องกันการติดเชื้อโรคแอนแทรกซ์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ตายหรือซากสัตว์โดยไม่ทราบสาเหตุ
- ห้ามบริโภคเนื้อสัตว์ที่ตายผิดปกติหรือปรุงไม่สุก
- ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับสัตว์ เช่น ชาวไร่ ชาวนา โรงฆ่าสัตว์ ควรสวมถุงมือ หน้ากาก และเสื้อป้องกัน
- ในบางกรณีอาจมีการฉีดวัคซีนป้องกันแอนแทรกซ์ให้กับกลุ่มเสี่ยง
แม้ว่าโรคแอนแทรกซ์จะพบไม่บ่อยในคน แต่หากเกิดขึ้นแล้วอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ การรู้เท่าทันอาการ การป้องกันอย่างถูกต้อง และการพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ คือกุญแจสำคัญในการรักษาให้หายขาด หากคุณมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ ทำงานในพื้นที่เสี่ยง หรือมีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับแอนแทรกซ์ อย่ารอให้ลุกลาม รีบเข้ารับการตรวจจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อการวินิจฉัย และรักษาอย่างทันท่วงที จะช่วยเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัวและลดความเสี่ยงจากโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นพ. พิทักษ์ เดชพรเทวัญ
แพทย์เฉพาะทางด้านอายุรศาสตร์โรคติดเชื้อ
รพ.พญาไท 2