ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก รายงานว่าในแต่ละปีมีผู้ที่ติดเชื้อไข้เลือดออกมากถึง 400 ล้านคนทั่วโลก โดยประมาณ 100 ล้านคนมีอาการป่วยจากการติดเชื้อ และ 40,000 คนเสียชีวิตจากไข้เลือดออกที่อาการรุนแรง โรคไข้เลือดออกจึงเป็นอีก 1 โรคอันตรายที่ไม่ควรมองข้าม วันนี้ รพ.พญาไท 3 เลยขอชวนทุกคนมาทำเข้าใจกับ 7 ความจริงที่ต้องรู้ เกี่ยวกับไข้เลือดออกกัน
1. อัตราการติดโรคไข้เลือดออกเพิ่มสูงขึ้นกว่า 30 เท่า
ไข้เลือดออกมีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าเพิ่มขึ้นจาก 50 ปีก่อนถึง 30 เท่า ก่อนปี ค.ศ. 1970 มีเพียง 9 ประเทศที่พบการระบาดของไข้เลือดออก แต่ในปัจจุบันพบการระบาดของไข้เลือดออกถึง 129 ประเทศทั่วโลก หรือพูดง่ายๆ ว่ากว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั่วโลกเสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้เลือดออกเดงกี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปสหรัฐอเมริกา แอฟริกา ตะวันออกกลาง และหมู่เกาะแปซิฟิก ยิ่งในทวีปเอเชียของเรา ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อไข้เลือดออกถึงร้อยละ 70 เลยทีเดียว
2. ชุมชนเมืองเพิ่ม การระบาดของไข้เลือดออกก็เพิ่มตามไปด้วย
ชุมชนเมืองที่ประชากรอยู่อาศัยกันหนาแน่มักทำให้มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงเพิ่มมากขึ้น ทำให้ยุงสามารถกัดและแพร่เชื้อได้มากขึ้น นักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ก็สามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อไวรัสเดงกีได้ไกลและกว้างขึ้น จากการเดินทางทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ประกอบกับภาวะโลกร้อน เมื่ออุณหภูมิทั่วโลกสูงขึ้น สภาพความชื้นและความอบอุ่นที่เกิดขึ้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การเจริญเติบโตของยุงก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
3. ไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมี 4 สายพันธุ์
เชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีมีทั้งหมด 4 สายพันธุ์ ได้แก่ DENV-1, DENV-2, DENV-3 และ DENV-4 โดยส่วนใหญ่แล้วไข้เลือดออกเดงกีมักไม่มีอาการแสดงหรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย แต่ในบางรายก็สามารถเกิดเป็นไข้เลือดออกเดงกีชนิดรุนแรงได้
สัญญาณเตือนการติดเชื้อไข้เลือดออกที่รุนแรง คือ
• ปวดท้องอย่างรุนแรง
• อาเจียนมาก อาเจียนต่อเนื่อง
• หายใจเร็ว
• เลือดออกบริเวณเหงือก
• รู้สึกเหนื่อยมาก
• รู้สึกอ่อนเพลีย
• อาเจียนมีเลือดปน
4. เราสามารถติดเชื้อไข้เลือดออกเดงกีได้ถึง 4 ครั้ง
เพราะเชื้อไวรัสไข้เลือดออกมี 4 สายพันธุ์ และการระบาดก็จะสลับหมุนเวียนไป ทำให้ในแต่ละปีมีสายพันธุ์ที่แพร่ระบาดแตกต่างกันออกไป กรณีที่เราเคยเป็นไข้เลือดออกชนิดหนึ่ง ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสเดงกีแค่ชนิดที่ติดเท่านั้น ฉะนั้นเราจึงมีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกอีก 3 สายพันธุ์ได้ ทำให้ตลอดชีวิตของเราสามารถที่จะติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีได้มากถึง 4 ครั้งนั่นเอง
5. การติดเชื้อไข้เลือดออกซ้ำ เสี่ยงอาการรุนแรงมากกว่าเดิม
หากการติดเชื้อไวรัสไข้เลือดออกเดงกีครั้งที่ 2 เกิดจากสายพันธุ์ชนิดที่แตกต่างจากเดิม อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะในการได้รับเชื้อไข้เลือดออกในครั้งแรกร่างกายของเราจะมีระบบภูมิคุ้มกันโดยการสร้างภูมิต้านทานออกมาต่อสู้กับการเชื้อไวรัส แต่ภูมิต้านทานไม่ได้อยู่ถาวรหรือป้องกันชนิดอื่นๆ สามารถป้องกันได้เพียงสายพันธุ์ที่เคยติดมาแล้ว เมื่อได้รับเชื้อไข้เลือดออกซ้ำในครั้งที่สองแต่คนละสายพันธุ์ภูมิต้านของเราในร่างกายเราจึงเกิดอาการสับสน และทำงานได้ไม่ดีพอ ไม่สามารถสู้กับเชื้อไวรัสได้อย่างทันเวลา จึงเป็นผลให้การติดเชื้อในครั้งที่ 2 มีอาการรุนแรงมากกว่า และอันตรายถึงชีวิตมากกว่า
6. ไข้เลือดออก ติดได้ ไม่เลือกคน
ยุงลาย คือพาหะนำโรคไข้เลือดออกเดงกี และถูกนับว่าเป็นพาหะที่แพร่กระจายได้เร็วที่สุดในโลก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใด หากมียุงลายก็มีโอกาสเสี่ยง หรือย้ำชัดๆ ว่าเราทุกคนมีโอกาสติดเชื้อไข้เลือดออกเดงกีได้ตลอดเวลา
7. ไข้เลือดออกสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน
แม้ว่าปัจจุบันจะยังไม่มียาสำหรับรักษาโรคไข้เลือดออกแบบเฉพาะเจาะจง การรักษาจึงเป็นแบบประคับประคองตามอาการและความรุนแรงของโรค นอกเหนือจากการป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัด หรือ การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงแล้ว ยังมีอีกวิธีที่สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ นั่นก็คือ การฉีด “วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก” ซึ่งมี 2 ชนิด นั่นก็คือ วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ชนิด 3 เข็ม (Dengvaxia) และวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ชนิด 2 เข็ม (QDenga) นั่นเอง