ไข้เลือดออก ภัยเงียบสุดอันตรายที่ไม่ว่าใครก็มีโอกาสเป็น และอย่างที่ทราบกันดีว่า ปัจจุบันยังไม่มียารักษาที่เฉพาะเจาะจงกับตัวโรค จึงเป็นการรักษาไปตามอาการ ที่สำคัญ ‘เคยเป็นแล้วก็มีโอกาสเป็นซ้ำได้อีก’ และที่ร้ายไปกว่านั้นคือ ‘ยิ่งเป็นซ้ำอาการก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น’ แล้วเราจะป้องกันหรือลดเสี่ยงการติดเชื้อได้อย่างไร? วิธีไหนเป็นวิธีการป้องกันที่ดีที่สุดนอกจากการระวังไม่ให้ยุดกัด คำตอบก็คือ การฉีดวัคซีนนั่นเอง วันนี้เราจะมาดูกันว่า ‘วัคซีนไข้เลือดออก’ มีกี่ชนิด และเราควรจะฉีดชนิดไหนดี
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออกมีกี่ชนิด?
วัคซีนไข้เลือดออกในประเทศไทย ปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
-
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ชนิด 3 เข็ม (Dengvaxia)
เป็นวัคซีนไข้เลือดออกชนิดแรกที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ใน 21 ประเทศทั่วโลก และเป็นวัคซีนไข้เลือดออกชนิดเดียวที่ได้รับการอนุมัติโดยองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา USFDA
ชนิดของวัคซีน : วัคซีนเดงวาเซีย (Dengvaxia) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ผลิตโดยบริษัท ซาโนฟี ปาสเตอร์ จำกัด โดยไวรัสที่อ่อนฤทธิ์ในวัคซีนจะเข้าไปแบ่งตัวและกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ
การฉีดวัคซีน : จะฉีดบริเวณต้นแขน ห่างกันเข็มละ 6 เดือน เมื่อฉีดครบ 3 เข็ม จะป้องกันไข้เลือดออกได้เป็นระยะเวลา 5-6 ปี
ประสิทธิภาพ : ป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์ได้ 80% ลดความรุนแรงของโรคได้ 80% และลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ 75%
-
วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก ชนิด 2 เข็ม (QDenga)
เป็นวัคซีนไข้เลือดออกตัวล่าสุด ที่พัฒนาโดยใช้ Backbone ของไข้เลือดออกสายพันธุ์ที่ 2 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดมากที่สุดในประเทศไทย
ชนิดของวัคซีน : วัคซีนคิวเดงกา (Qdenga) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ ผลิตและนำเข้ามาจากประเทศเยอรมนี โดยไวรัสที่อ่อนฤทธิ์ในวัคซีนจะเข้าไปแบ่งตัวและกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อ
การฉีดวัคซีน : จะฉีดบริเวณต้นแขน ห่างกันเข็มละ 3 เดือน
ประสิทธิภาพ : ป้องกันเชื้อไวรัสไข้เลือดออกทั้ง 4 สายพันธุ์ได้ 80% ลดอัตราการนอนโรงพยาบาล และลดความรุนแรงของโรคได้ 90.4%
วัคซีนไข้เลือดออกชนิดไหนที่เหมาะกับเรา ?
วัคซีนเดงวาเซีย (Dengvaxia) |
วัคซีนคิวเดงกา (Qdenga) |
เหมาะกับผู้ที่เคยมีประวัติเป็นไข้เลือดออกมาก่อน | สามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน |
ในผู้ที่ไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน แนะนำให้ตรวจภูมิคุ้มกันก่อนรับวัคซีน | ไม่จำเป็นต้องตรวจภูมิคุ้มกันก่อนการรับวัคซีน |
สามารถใช้ในผู้ที่มีอายุ 6-45 ปี | สามารถใช้ในผู้ที่มีอายุ 4-60 ปี |
ฉีด 3 เข็ม ห่างกันเข็มละ 6 เดือน | ฉีด 2 เข็ม ห่างกันเข็มละ 3 เดือน |
ข้อควรรู้ก่อนฉีดวัคซีนไข้เลือดออก
- หลีกเลี่ยงการเข้ารับวัคซีนขณะมีไข้ หรือไม่สบาย
- หลีกเลี่ยงการเข้ารับวัคซีนขณะตั้งครรภ์ หรืออยู่ระหว่างการให้นมบุตร
- แนะนำให้เว้นระยะห่างจากการฉีดวัคซีนเชื้อเป็นอื่นๆ อย่างน้อย 4 สัปดาห์
- อาการข้างเคียงที่พบได้คือ ปวด ห้อเลือด บวมและคันบริเวณที่ฉีด ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว มีไข้ต่ำๆ
เมื่อทราบถึงประโยชน์ในการป้องกัน การลดโอกาสการติดเชื้อและเกิดโรค รวมถึงหากติดเชื้อก็ยังช่วยให้อาการไม่รุนแรงได้นั้น หากคุณเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือมีเด็กๆ ในบ้านที่เป็นกลุ่มเสี่ยง การได้รับวัคซีนไข้เลือดออกก็นับว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง และถ้ายังไม่แน่ใจว่าควรเลือกวัคซีนชนิดไหนดี การปรึกษาแพทย์ก็จะช่วยให้คุณเลือกวัคซีนได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น