การที่เราวางแผนครอบครัว มีบุตรคนแรกเมื่อพร้อมและอยู่ในวัยที่เหมาะสม เป็นวิธีการป้องกันการตั้งครรภ์ในระยะที่ไม่ต้องการมีบุตร เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม และภาวะสุขอนามัย ด้วยการใช้วิธีการคุมกำเนิดชนิดต่างๆ ตามความเหมาะสมแก่ร่างกาย
4 ประโยชน์การวางแผนครอบครัว (คุมกำเนิด)
- สามารถมีบุตรได้ตามเวลาที่ต้องการ
- จำกัดจำนวนบุตร ให้มีในระยะห่างที่เหมาสม เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อครอบครัวในการเลี้ยงดู และยังสามารถดูแลได้อย่างใกล้ชิด
- จำกัดจำนวนบุตร เพื่อให้เหมาะสมกับฐานะการเลี้ยงดูของแต่ละครอบครัว
- ลดปัจจัยเสี่ยงจากการตั้งครรภ์ ในกรณีที่มารดามีโรคประจำตัว หรือมีข้อห้ามในการตั้งครรภ์
การคุมกำเนิดแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
- การคุมกำเนิดแบบถาวร (Permanent contraception) เป็นการคุมกำเนิดเมื่อไม่ต้องการให้มีบุตรอย่างถาวร เช่น การทำหมันชายและการทำหมันหญิง
- การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว (Temporary or Reversible contraception) เป็นวิธีใช้ป้องกันการตั้งครรภ์เมื่อยังไม่พร้อมที่จะมีบุตร หรือต้องการเว้นระยะเวลาการมีบุตร เมื่อหยุด ก็ยังสามารถมีบุตรได้อีก ซึ่งการคุมกำเนิดชนิดนี้มีหลายวิธี ได้แก่
-
- การใช้ถุงยางอนามัย จากข้อมูลพบว่าถุงยางอนามัยหากใช้อย่างถูกวิธี สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากสถิติหลังใช้พบอัตราการตั้งครรภ์ร้อยละ 2-15 เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นวิธีการป้องกันโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้ด้วย
- การนับระยะปลอดภัย วิธีการนี้คือการมีเพศสัมพันธ์เฉพาะในช่วงที่มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยที่สุด นั้นประมาณ 7 วันหลังมีประจำเดือนวันแรก และ 7 วันก่อนการมีประจำเดือนรอบถัดไป วิธีการนี้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูงในผู้ที่มีรอบประจำเดือนที่ไม่ตรงอย่างสม่ำเสมอ
- การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด ประกอบไปด้วยฮอร์โมน 2 กลุ่ม ในเม็ดยา อาจทำให้มีผลข้างเคียงในผู้ใช้บางรายได้ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการใช้ยา (1-3 เดือน) อาการที่แสดงออกได้ แก่ ปวดศีรษะ ผื่น สิว ฝ้า น้ำหนักขึ้น คลื่นไส้ เลือดออกกะปริดกะปรอย ทั้งนี้ขนาดของฮอร์โมนและชนิดของฮอร์โมนที่ใช้ในยาแต่ละยี่ห้อ จะมีความแตกต่างกันด้วย จึงอาจมีผลข้างเคียงต่างกันเล็กน้อย
- การฉีดยาคุมกำเนิด เป็นการฉีดฮอร์โมนทุก 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของยา วิธีการนี้อาจมีผลข้างเคียงคล้ายๆ กับการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด
- การฝังยาคุมกำเนิด การฝังหลอดบรรจุฮอร์โมนเล็กๆ จำนวน 1-6 หลอด ขึ้นอยู่กับชนิดของยา ไว้ที่ใต้ผิวหนัง ใช้ได้นาน 3-5 ปี และมีผลข้างเคียงกับยาฉีด ยาเม็ดคุมกำเนิด โดยวิธีการป้องกันวิธีนี้ มีผลต่อผู้ป่วยที่มีโรคประจำ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน น้ำหนักตัวมาก โรคหัวใจ ปวดศีรษะเรื้อรัง ลิ่มเลือดอุดตัน ฯ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม