ใครที่ยังไม่เคยตรวจดิจิตอลแมมโมแกรม เพราะกลัวเจ็บ รู้สึกเขิน หรือกังวลจนเกิดเป็นคำถามในใจ วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้กับคำถามยอดฮิต เพื่อให้ทุกคนรู้ลึกรู้จริงถึงประโยชน์ของการตรวจดิจิตอลแมมโมแกรม ที่พอได้รู้ข้อเท็จจริงแล้วอาจพูดออกมาว่า “รู้อย่างนี้มาตรวจตั้งนานแล้ว”
Q: ทำแมมโมแกรม เจ็บมากมั้ย ถ้ามีประจำเดือนอยู่ตรวจได้หรือเปล่า?
A: ความเจ็บในการทำแมมโมแกรมขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของเนื้อเต้านม รวมถึงช่วงเวลาที่ตรวจ หากกำลังมีประจำเดือนสามารถรับการตรวจได้ตามปกติ ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย เพียงแต่ช่วงใกล้มีประจำเดือนหรือกำลังมีประจำเดือน อาจรู้สึกคัดตึงเต้านมตามธรรมชาติ ซึ่งทำให้รู้สึกเจ็บกว่าปกติขณะทำการตรวจ
ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการตรวจคือ 7-14 วันหลังการมีประจำเดือน
Q: รังสีจากการทำแมมโมแกรมมีอันตรายหรือไม่?
A: การตรวจไม่มีอันตรายในระยะยาว โดยปริมาณรังสีที่ได้รับมีค่าต่ำมาก ซึ่งในการทำแมมโมแกรม 1 ครั้ง เทียบเท่ากับรังสีที่เราได้รับในชีวิตประจำวันประมาณ 7 สัปดาห์ ปกติรังสีมีอยู่รอบตัวเรา ทั้งในอากาศ น้ำ แสงแดด ฯลฯ ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือมีความเป็นไปได้ในการตั้งครรภ์ แพทย์จะไม่แนะนำให้ตรวจ เพื่อความปลอดภัยของทารกในครรภ์ แต่หากพบความผิดปกติ แพทย์จะทำการตรวจอัลตราซาวด์ให้แทน
Q: ตรวจแมมโมแกรม ต่างกับอัลตราซาวด์อย่างไร?
A: การตรวจแมมโมแกรมเป็นการตรวจโดยใช้รังสี สามารถเห็นหินปูนขนาดเล็กที่ผิดปกติในเต้านม ซึ่งอาจไม่พบจากการอัลตราซาวด์ ส่วนการตรวจอัลตราซาวด์เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูงเข้าไปในเนื้อเต้านม สามารถแยกเนื้อเยื่อเต้านมปกติกับก้อนในเต้านมได้ และบอกได้ว่าก้อนเนื้อนั้นมีอันตรายหรือไม่
Q: ทำแมมโมแกรม ใช้เวลานานเพียงใด?
A: ใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยทำด้านซ้ายและขวา ด้านละ 2 ครั้ง โดยเครื่องดิจิตอลแมมโมแกรมจะบีบเต้านมด้านบน-ล่าง และด้านข้างของเต้านม รวมทั้งหมด 4 ภาพเพื่อให้เห็นรายละเอียดภายในเนื้อเต้านม
Q: เสริมหน้าอกมา ทำแมมโมแกรมได้หรือเปล่า?
A: สามารถทำแมมโมแกรมได้ตามปกติ โดยแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่รังสีก่อนตรวจ เพื่อใช้เทคนิคในการดูเนื้อเยื่อเต้านมมากขึ้นจากปกติ ส่วนผู้ที่กังวลว่าเครื่องจะกดเต้านมจนทำให้ซิลิโคนแตกหรือไม่? ในความเป็นจริงแล้วซิลิโคนมีความยืดหยุ่นมากและจะไม่แตกจากการทำแมมโมแกรม
Q: ใครบ้างที่ควรตรวจ และต้องตรวจบ่อยแค่ไหน?
A: ผู้หญิงทุกคนที่อายุ 35 ปีขึ้นไป ต้องเฝ้าระวังโรคมะเร็งเต้านม โดยตรวจดิจิตอลแมมโมแกรมร่วมกับการทำอัลตร้าซาวด์เต้านมปีละ 1 ครั้ง
ผู้หญิงที่อายุไม่ถึง 35 ปี แต่พบว่าตนเองมีความเสี่ยงจากปัจจัยอื่นๆ เช่น คนในครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม ก็สามารถเริ่มตรวจดิจิตอลแมมโมแกรมได้ก่อนอายุ 35 ปี หรือตามคำแนะนำของแพทย์
การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วย “ดิจิตอลแมมโมแกรม” เป็นสิ่งที่ผู้หญิงควรทำในทุกๆ ปี โดยไม่ต้องรอจนอายุมาก สามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ก็ตาม เพราะการตรวจคัดกรองช่วยให้รู้ตัวได้เร็ว เป็นการเพิ่มโอกาสในการต่อสู้กับโรคมะเร็งอย่างมีประสิทธิภาพ และวางแผนในการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสมยิ่งขึ้น