ค้นหาสาเหตุ 'ภาวะมีบุตรยาก' เพื่อหาทางแก้ที่ตรงจุด

พญาไท ศรีราชา

1 นาที

ศ. 24/06/2022

แชร์


Loading...
ค้นหาสาเหตุ 'ภาวะมีบุตรยาก' เพื่อหาทางแก้ที่ตรงจุด

ปัญหาภาวะมีบุตรยากนั้นเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย หากเทียบกับเมื่อก่อนแล้วปัญหาภาวะมีบุตรยากนั้นเรียกได้ว่ามีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป กว่าจะเก็บเงิน แต่งงาน พร้อมมีครอบครัวอายุก็ปาเข้าไป 30 แล้ว และการมีลูกก็เป็นเรื่องของคนสองคน ดังนั้นเมื่อมีปัญหาก็ควรจะจูงมือกันมาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ และวางแผนการรักษาอย่างตรงจุด

 

แบบไหนที่เข้าข่าย “ภาวะมีบุตรยาก”

ภาวะมีบุตรยากหมายถึงการที่คู่สมรสมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่ได้คุมกำเนิด และมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งเป็นระยะเวลา 1 ปี แล้วยังไม่ตั้งครรภ์ แต่ถ้าหากเรารู้อยู่แล้วว่าตัวเองมีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้มีลูกยาก เช่น ฝ่ายหญิงที่มีอายุเกิน 35 ปีขึ้นไป ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เคยได้รับอุบัติเหตุหรือผ่าตัดบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ สามารถมาปรึกษาหมอได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบ 1 ปีก็ได้ เพราะสาเหตุที่แท้จริงบางทีก็ไม่ได้เริ่มที่ฝ่ายหญิงเสมอไป

 

สาเหตุภาวะมีบุตรยากที่เกิดจาก “ผู้ชาย”

ภาวะมีบุตรยากของผู้ชายนั้นเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นพันธุกรรมทำให้สร้างอสุจิได้น้อยกว่าปกติ หรือสร้างไม่ได้เลย จำนวนเชื้ออสุจิน้อยเกินไป การเคลื่อนไหวและรูปร่างที่ผิดปกติของอสุจิ การใช้ยา เช่น ยาเคมีบำบัด การฉายรังสี ยาเสพติด ยารักษาโรคบางชนิด การมีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ไทรอยด์ โรคทางต่อมไร้ท่อ การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการประสบอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดบริเวณอัณฑะก็ล้วนส่งผลให้มีลูกยากได้ทั้งสิ้น

 

สาเหตุภาวะมีบุตรยากที่เกิดจาก “ผู้หญิง”

เพราะอายุที่เพิ่มขึ้นทำให้ความแข็งแรงของไข่ลดน้อยลง อายุจึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก นอกจากนี้การมีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ ความผิดปกติของอวัยวะสืบพันธุ์ตั้งแต่เกิด ท่อนำไข่ตีบตันจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือเคยมีการอักเสบในอุ้งเชิงกราน เคยผ่าตัดในอุ้งเชิงกรานทำให้มีพังผืด และรังไข่ทำงานไม่ปกติ ก็ทำให้มีบุตรยากได้เช่นกัน

แต่นอกจากเรื่องอายุแล้ว การติดเชื้อจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างกลุ่มหนองใน-หนองในเทียม ก็ทำให้มีบุตรยากได้ เพราะเชื้อเหล่านี้จะไปทำลายท่อนำไข่ ทำให้ท่อนำไข่ตีบตัน เชื้ออสุจิก็จะไปหาไข่ไม่ได้ก็จะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ นอกจากนี้ความเครียด พักผ่อนน้อย การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม ไม่ประจวบเหมาะกับช่วงไข่ตก ก็ทำให้โอกาสตั้งครรภ์ยิ่งลดน้อยลงตามไปด้วย

 

ขั้นตอนการตรวจภาวะมีบุตรยาก เมื่อพบแพทย์

เบื้องต้นแพทย์จะทำการซักประวัติอย่างละเอียด และจะทำการตรวจร่างกายทั้งภายในและภายนอกว่ามีความผิดปกติเบื้องต้นหรือไม่ เช่น การตรวจน้ำเชื้อ การอัลตราซาวด์ความผิดปกติของมดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ หรือการฉีดสีในโพรงมดลูกเพื่อหาความผิดปกติในโพรงมดลูกและท่อนำไข่ จากนั้นจะทำการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม ถ้าแก้ไขที่สาเหตุแล้วยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้โดยธรรมชาติหมอจะให้คำปรึกษาโดยการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ต่อไป

 

เทคโนโลยีช่วยให้ “มีลูก”

เมื่อหาสาเหตุของภาวะมีบุตรยากและแก้ปัญหาที่ต้นเหตุแล้วไม่ได้ผล ขั้นตอนต่อมาก็จะต้องพิจารณาเลือกเทคโนโลยีที่ช่วยตั้งครรภ์ได้ดั่งใจ โดยมีปัจจัยหลักๆ คืออัตราความสำเร็จ ค่าใช้จ่าย ผลแทรกซ้อน การเจ็บตัวที่น้อยที่สุด ซึ่งการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยให้ตั้งครรภ์นั้นมีด้วยกันหลายวิธี

  1. การผสมเทียม (Intrauterine Insemination, IUI) เป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องเชื้ออสุจิไม่ปกติ แต่ผู้หญิงมีมดลูกที่ดี โดยจะทำการกระตุ้นไข่ คัดเชื้ออสุจิ และนำเชื้ออสุจิที่แข็งแรงมาฉีดเข้าไปในโพรงมดลูก
  2. การทำกิฟท์ (Gamete Intrafallopian Transfer, GIFT) เป็นวิธีการดั้งเดิม โดยการกระตุ้นรังไข่ด้วยฮอร์โมน แล้วส่องกล้องเข้าไปในช่องท้อง เพื่อเก็บไข่แล้วนำไข่มารวมกับอสุจิที่เตรียมไว้ และฉีดกลับเข้าไปในท่อนำไข่ของผู้หญิง โดยเจาะผ่านผนังหน้าท้อง เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิภายในร่างกาย
  3. การทำซิฟท์ (Zygote Intrafallopian Transfer, ZIFT) หรือการทำเด็กหลอดแก้ว เหมาะสำหรับผู้ที่มีพังผืดในอุ้งเชิงกราน ท่อนำไข่อุดตัน ไข่ไม่ตกเนื่องจากระบบฮอร์โมน หรือผู้ชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับอสุจิน้อย หรือเคลื่อนไหวไม่ดี โดยจะใช้การกระตุ้นรังไข่ แล้วเก็บไข่มาเพื่อให้ผสมกับอสุจิในห้องปฏิบัติการ จากนั้นทำการเลี้ยงตัวอ่อน 3-5 วัน แล้วจึงค่อยใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกให้เกิดการฝังตัว
  4. การทำอิ๊กซี่ (Intracytoplasmic Sperm Injection, ICSI) วิธีการนี้คล้ายกับการทำเด็กหลอดแก้ว แต่แตกต่างกันตรงที่มีการคัดอสุจิที่ดีที่สุด ฉีดเข้าไปที่เซลล์ไข่โดยตรงให้เกิดการปฏิสนธิ เลี้ยงตัวอ่อนไว้ 3 – 5 วันแล้วใส่ตัวอ่อนกลับเข้าไปในโพรงมดลูกให้เกิดการฝังตัว

 

เรียกได้ว่าปัญหาภาวะมีบุตรยากนั้นขึ้นอยู่กับความแตกต่างของแต่ละคู่ แต่ละคนก็มีปัจจัยที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการตรวจหาสาเหตุการมีลูกยากจึงเป็นการหาทางออกที่เหมาะสมที่สุด!


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...