ปัจจุบันมีการนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ในทางการแพทย์กันมากขึ้น โดยในกัญชาจะมีสารออกฤทธิ์ (bioactive compounds) มากกว่า 400 ชนิด โดยสารที่พบมากที่สุดจะเป็นกลุ่มแคนนาบินอยด์ (cannabinoids) ซึ่งชนิดที่มีข้อมูลทางการแพทย์จำนวนมากมีอยู่ 2 ชนิด คือ Cannabidiol (CBD) และ Tetrahydrocannabinol (THC)
โดยทั้งสาร CBD และ THC ได้ถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพหลายด้าน แต่ในทางกลับกันก็อาจเกิดโทษได้ หากผู้ใช้ขาดความรู้ที่ถูกต้อง หรือขาดความระมัดระวังในการใช้
หัวข้อที่น่าสนใจ
- สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มใช้สารสกัดกัญชา CBD และ THC
- สารสกัดกัญชา CBD และ THC มีอันตรายหรือไม่ ?
- ข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้ CBD และ THC
- ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อการแพทย์หาซื้อใช้เองได้หรือไม่ ?
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่มใช้สารสกัดกัญชา CBD และ THC
การใช้กัญชาในทางการแพทย์ เป็นการใช้สารที่สกัดได้จากกัญชาอย่าง CBD และ THC
ซึ่งในปัจจุบันยังมีหลายโรค หลายภาวะ ที่ยังไม่มีหลักฐานยอมรับหรือปฏิเสธการรักษาด้วยสารสกัดกัญชา จึงไม่ควรใช้สารสกัดกัญชาหรือผลิตภัณฑ์กัญชาเป็นทางเลือกอันดับแรกในการรักษาโรคหรือภาวะใดๆ ของผู้ป่วย แต่จะพิจารณาเป็นลักษณะจำเพาะสำหรับผู้ป่วยบางราย โดยขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ และจะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น
ทั้งนี้ สารสกัดจากกัญชาอย่าง CBD และ THC ยังมีผลกระทบต่อการออกฤทธิ์ของยาหลายชนิด เช่น
- Anticoagulant (ยาต้านการแข็งตัวของเลือด)
- Antiplatelet (ยาต้านเกล็ดเลือด )
- Antipsychotic (ยาต้านอาการทางจิต)
- Anticonvulsant (ยากันชัก หรือ ยาต้านชัก)
ดังนั้นทุกการใช้ต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง และควรอยู่ในการดูแลของแพทย์
สารสกัดกัญชา CBD และ THC มีอันตรายหรือไม่ ?
กัญชาที่ผ่านการสกัดจะต่างไปจากการกินหรือสูบโดยตรง โดยในทางการแพทย์จะมีการควบคุมสาร CBD และ THC ตามที่กฎหมายกำหนดมาแล้ว จึงมีความเสี่ยงน้อยกว่า ซึ่งการใช้สาร CBD และ THC ในทางการแพทย์จะต้องใช้อย่างเหมาะสม โดยแพทย์จะคำนึงถึงประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับเป็นสำคัญ
สารสกัดกัญชา CBD และ THC อาจให้ผลเสีย เกิดโทษ และส่งผลข้างเคียงต่อผู้ใช้ได้ หากใช้ผิดวิธี ใช้เกินขนาด หรือใช้ติดต่อกันนานๆ ตัวอย่างเช่น
- การใช้สาร THC ในระยะยาว อาจส่งผลต่อความสามารถในการรับรู้ และความสามารถในการตัดสินใจ (Awareness & Cognitive function) และส่งผลเสียต่อสมองที่กำลังเจริญเติบโตในเด็กและวัยรุ่น
- ในด้านปริมาณ หากได้รับสาร THC ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดอาการเคลิ้มสุข (Euphoria) ใจสั่น หน้ามืด เห็นภาพหลอน ในระยะยาวอาจเสี่ยงต่อการเสพติด หรือการฆ่าตัวตายได้
- สาร CBD ก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากการทำปฏิกิริยาระหว่างสาร CBD กับยาชนิดอื่นๆ มากกว่า ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องไส้ปั่นป่วน พฤติกรรมการทานอาหารเปลี่ยนไป อ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลง เวียนศีรษะ หรือท้องเสีย
ข้อห้ามและข้อควรระวังในการใช้ CBD และ THC
ในเด็ก สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์จากกัญชาทั้ง CBD และ THC ยกเว้นในกรณีที่ได้รับอนุญาตจากแพทย์โดยตรง แต่เพื่อความปลอดภัย ควรใช้ตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามและข้อควรระวังอื่นๆ อีก เช่น
- ห้ามใช้สารสกัดจากกัญชา THC ในผู้อายุน้อยกว่า 25 ปี
- การใช้สารสกัดจากกัญชาในผู้ป่วยที่มีโรคทางสมองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจทำให้เกิดปัญหาในการรักษาผู้ป่วย และสร้างความสับสนในการวางแผนการรักษาได้
- สารสกัด THC สามารถผ่านจากรกสู่ทารกในครรภ์ได้ สตรีมีครรภ์จึงไม่ควรใช้
- ห้ามใช้สารสกัดจากกัญชาในผู้ป่วยโรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมองที่รุนแรง โรคไต และโรคจิตเภท
ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อการแพทย์หาซื้อใช้เองได้หรือไม่ ?
แม้ในปัจจุบันกัญชาจะถูกปลดล็อกออกจากการเป็นยาเสพติดแล้ว เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 และสารในกัญชาเองก็ถูกนำมาต่อยอดพัฒนาและใช้กันมากขึ้นอย่างน้ำมันกัญชา แต่การใช้ก็ยังคงต้องมีขอบเขต
คือควรใช้สารสกัดกัญชาที่ผ่านการวางแผนการรักษาจากแพทย์ ผู้ป่วยหรือญาติไม่ควรหาซื้อมาใช้เอง เพราะไม่ทราบปริมาณความเข้มข้น เสี่ยงใช้เกินขนาด และผลิตภัณฑ์กัญชาก็ไม่ได้มีวางจำหน่ายทั่วไป ผู้ป่วยไม่สามารถซื้อสารสกัดกัญชาใช้เอง จึงต้องผ่านการวางแผนการรักษาจากแพทย์เท่านั้น
สารสกัดกัญชา CBD และ THC มีทั้งประโยชน์ และทำให้เกิดโทษได้ในกรณีที่ใช้ผิดวิธี ดังนั้น การนำสารสกัดกัญชามาใช้ในการบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยและโรคต่างๆ ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์ถึงจะปลอดภัย และไม่ควรใช้นอกเหนือจากที่แพทย์กำหนดอย่างเด็ดขาด