ลดเสี่ยง “ติดเชื้อเอชพีวี” สาเหตุหลักมะเร็งปากมดลูก...ด้วยการฉีดวัคซีน

พญาไท นวมินทร์

1 นาที

ศ. 24/06/2022

แชร์


Loading...
ลดเสี่ยง “ติดเชื้อเอชพีวี” สาเหตุหลักมะเร็งปากมดลูก...ด้วยการฉีดวัคซีน

การติดเชื้อไวรัสแปปปิโลมา หรือ เอชพีวี คือ การติดเชื้อที่อวัยวะสืบพันธุ์จากการมีเพศสัมพันธ์ แม้ว่าการติดเชื้อเอชพีวีมักไม่แสดงอาการผิดปกติและหายได้เอง แต่ผู้ติดเชื้อบางรายอาจมีการอักเสบเรื้อรัง ทำให้เกิดมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์ และทวารหนัก เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งทวารหนักได้ นอกจากนี้การติดเชื้อไวรัส HPV บางสายพันธุ์ ยังทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศได้อีกด้วย

 

มะเร็งปากมดลูก….โรคที่พบได้บ่อยในหญิงไทย

มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบบ่อยในหญิงไทย โดยสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกเกือบทั้งหมดเกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี รวมทั้งในบางสายพันธุ์ ยังทำให้เกิดหูดบริเวณอวัยวะเพศได้อีกด้วย ซึ่งสายพันธุ์ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกที่พบบ่อย คือ สายพันธุ์ 16, 18 ส่วนสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศได้บ่อย คือสายพันธุ์ 6 และ11 แต่อย่างไรก็ตามเชื้อ HPV นั้นมีมากกว่าแค่ 4 สายพันธุ์ ดังนั้นวัคซีนป้องกันไวรัสแปปปิโลมา หรือป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี จึงเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้

 

วัคซีนป้องกันไวรัสแปปปิโลมา (เอชพีวี) ในปัจจุบันนี้มีวัคซีนอยู่ 3 ชนิด ได้แก่

  • ชนิด 9 สายพันธุ์ (ชื่อทางการค้า Gardasil) ครอบคลุมการติดเชื้อสายพันธุ์ 6,11,16,18,31,33,45,52 และ 58 ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากช่องคลอด มะเร็งทวารหนัก มะเร็งช่องปากและลำคอ รวมถึงหูดหงอนไก่ ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 3 ครั้ง ที่ 0, 2 และ 6 เดือน
  • ชนิด 4 สายพันธุ์ (ชื่อทางการค้า Gardasil) ครอบคลุมการติดเชื้อสายพันธุ์ 6, 11, 16, 18 ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็ง และหูดบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 3 ครั้ง ที่ 0, 2 และ 6 เดือน
  • ชนิด 2 สายพันธุ์ (ชื่อทางการค้า Cervarix) ครอบคลุมการติดเชื้อสายพันธุ์ 16, 18 ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งบริเวณอวัยวะเพศ ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 3 ครั้ง ที่ 0, 1 และ 6 เดือน

 

ผู้ที่ “ควร” ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวี

  • แนะนำฉีดวัคซีนแก่หญิงอายุ 9-26 ปี สำหรับหญิงอายุมากกว่า 26 ปีนั้น ให้พิจารณาเป็นรายๆ ไป โดยการฉีดวัคซีนจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด หากฉีดก่อนการติดเชื้อหรือมีเพศสัมพันธ์ แต่หากเคยมีเพศสัมพันธ์แล้วก็ยังสามารถฉีดวัคซีนได้ เพียงแต่ประสิทธิภาพอาจลดลงหรือได้ผลไม่ได้ดีเท่าผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน
  • ในวัยรุ่นที่แข็งแรงดี หากฉีดเข็มแรกก่อนอายุ 15 ปี ให้ฉีด 2 เข็มได้ ที่ 0, 6-12 เดือน

 

ผู้ที่ “ควรงด” รับวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวี

  • เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรงจากการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวีในครั้งก่อน หรือแพ้ส่วนผสมต่าง ๆ ในวัคซีน
  • หญิงตั้งครรภ์
  • หากมีไข้ เจ็บป่วยเฉียบพลัน ควรเลื่อนการรับวัคซีนออกไปก่อน รอให้หายป่วยก่อนจึงค่อยมารับวัคซีน
  • กรณีเป็นหวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ สามารถรับวัคซีนได้

 

อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังรับวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวี

  • อาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงได้ อย่างไรก็ตามอาการแพ้อย่างรุนแรงจากวัคซีนพบได้น้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ที่รับวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวีมักไม่มีปัญหาใดๆ
  • ปฏิกิริยาที่อาจพบหลังฉีดวัคซีน ได้แก่ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว คัน ปวด บวมแดงบริเวณที่ฉีดวัคซีน ซึ่งสามารถประคบเย็นได้ และมักหายเองภายใน 1-2 วัน
  • ถ้ามีอาการผิดปกติอื่นนอกเหนือจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์

หมายเหตุ :

  • การฉีดวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ สามารถฉีดได้ในหญิงให้นมบุตร
  • การฉีดวัคซีนช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากวัคซีนยังไม่สามารถป้องกันเชื้อเอชพีวีสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดมะเร็งหรือหูดได้ทั้งหมด ผู้ที่ได้รับวัคซีนยังต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชพีวี โดยการมีคู่นอนคนเดียว ใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์
  • บางประเทศ อนุญาตให้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวีชนิด 4 สายพันธุ์ในผู้ชาย เพื่อป้องกันหูดบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก
  • กรณีแพ้ยีสต์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบของวัคซีน 4 สายพันธุ์ สามารถใช้วัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ได้
  • หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...