โรคกระดูกคอเสื่อมในเด็ก เกิดได้จากหลายปัจจัย

พญาไท 2

1 นาที

พฤ. 15/06/2023

แชร์


Loading...
โรคกระดูกคอเสื่อมในเด็ก เกิดได้จากหลายปัจจัย

ปัจจัยสำคัญของการเกิด ‘โรคกระดูกคอเสื่อม’ คือ อายุ และการใช้คอที่ไม่ถูกต้อง โดยในอดีตโรคกระดูกคอเสื่อมมักเกิดกับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เพราะกระดูกจะเสื่อมสภาพตามอายุที่มากขึ้น จึงมีโอกาสเป็นโรคกระดูกคอเสื่อมได้สูงกว่าคนที่อายุน้อย ทว่าปัจจุบัน เรากลับพบโรคกระดูกคอเสื่อมในคนอายุน้อยลงเรื่อยๆ หรือแม้แต่พบในเด็ก ซึ่งอาจเป็นเพราะวิถีชีวิตหรือไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปหลายอย่างทำให้กระดูกคอเสื่อมเร็วขึ้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ใครๆ ก็เสียงเป็นโรคกระดูกคอเสื่อมได้โดยไม่ต้องรอให้อายุมากแล้ว

สาเหตุที่ทำให้คนอายุน้อยมีอาการกระดูกคอเสื่อม

โรคกระดูกคอเสื่อมในเด็ก มักเกิดจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมที่ทำให้กระดูกคอเสื่อมเร็วกว่าที่ควร ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เด็กมีภาวะกระดูกคอเสื่อมก่อนวัย ประกอบไปด้วย 

  • กรรมพันธุ์และโรคประจำตัว ที่ไปกระตุ้นให้เกิดความเสื่อมเร็วขึ้น รวมถึงอาจเกิดจากความผิดปกติของหมอนรองกระดูกที่ทำให้กระดูกคอเกิดความเสื่อมได้ง่าย 
  • ท่าทางในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การเล่นเกมคอมพิวเตอร์ การเล่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมักเป็นการใช้คอในอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมอย่างต่อเนื่องนานๆ และบ่อยๆ เช่น มีลักษณะคอยื่นขณะเล่นเกมหรือใช้คอมพิวเตอร์ รวมไปถึงการทำกิจกรรมอื่นๆ อย่างการนอนคว่ำอ่านหนังสือ หรือการนอนหงายบนหมอนเตี้ยๆ นานเกินไป
  • การเคลื่อนไหวคอในท่าเดิมซ้ำๆ เช่น การอยู่ในท่าก้มศีรษะ เงยหน้า หรือหมุนคอบ่อย รวมถึงการแบกของหนักๆ บริเวณบ่าและคอด้วย
  • เกิดอุบัติเหตุ หรือมีการกระแทกที่กระดูกสันหลังส่วนคอโดยตรง
  • การเล่นกีฬา ที่มีการกระแทกหรือการปะทะกันบ่อยๆ

อาการบ่งชี้ถึงโรคกระดูกคอเสื่อม

อาการของโรคกระดูกคอเสื่อมส่วนมากมักคล้ายกับอาการออฟฟิศซินโดรมที่มีการปวดตึงคอ ปวดบริเวณต้นคอ สะบัก บ่า และไหล่ ในกรณีที่เป็นหนักอาจปวดลามไปถึงปลายนิ้ว ซึ่งหากปวดเรื้อรังยาวนานหลายปีอาจส่งผลให้ผู้ป่วยเดินไม่ได้ ขาและมืออ่อนแรง ดังนั้นจึงควรรีบพบแพทย์เพื่อรักษาให้เร็วที่สุดตั้งแต่มีอาการเตือน 

การรักษาโรคกระดูกคอเสื่อมในเด็ก

การรักษาโรคกระดูกคอเสื่อม สามารถทำได้ 2 วิธี คือ แบบไม่ต้องผ่าตัด และแบบผ่าตัด

  • แบบไม่ต้องผ่าตัด ในกลุ่มที่อาการไม่รุนแรงสามารถรักษาได้โดยการทำกายภาพบำบัด การใช้ยาเพื่อบรรเบาอาการ พร้อมกับปรับพฤติกรรมการใช้ร่างกายในชีวิตประจำวันเพื่อผลระยาว มีการปรับท่าทางการทำกิจวัตรต่างๆ ให้ถูกต้องเหมาะสม หมั่นลุกขยับร่างกายทุก 45 นาทีเมื่อนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ เลี่ยงกิจกรรมที่เสี่ยงต่อภาวะกระดูกคอเสื่อม เช่น การเล่นเกมมือถือนานๆ เป็นต้น 

  สำหรับผู้ป่วยที่กินยาแล้วอาการไม่ดีขึ้น อาจใช้การรักษาด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงที่ให้ความร้อนลึก หรือการฉีดยาเข้าเส้นประสาท ซึ่งมีข้อดีคือไม่ต้องใช้ยาสลบ จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดได้

  • แบบผ่าตัด เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง มีอาการปวดมากขึ้น รักษาด้วยการทำกายภาพบำบัดและกินยาแล้วแต่ยังไม่เห็นผล แขนและขาเริ่มอ่อนแรง ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน ผู้ป่วยจะต้องได้รับการตรวจด้วยการทำเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRT) เพื่อให้เห็นถึงความรุนแรงและจุดสำคัญของรอยโรค ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการวางแผนผ่าตัด 

เราสามารถดูแลตนเองให้ห่างไกลจากโรคกระดูกคอเสื่อม ด้วยการหมั่นขยับร่างกาย เปลี่ยนอิริยาบถบ่อยๆ ไม่อยู่ในท่าเดิมนานเกินไป ไม่เล่นเกมมือถือแบบก้มหน้านานๆ มีการออกกำลังกายเพื่อสร้างความแข็งแรง ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ปรับสรีระการเดิน การนั่ง และการนอนให้เหมาะสม เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดโอกาสการเกิดโรคกระดูกคอเสื่อมได้แล้ว


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...