ปวดแบบไหน? เสี่ยงโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

พญาไท 2

1 นาที

อ. 13/06/2023

แชร์


Loading...
ปวดแบบไหน? เสี่ยงโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

อาการปวดเมื่อยบริเวณคอ บ่า ไหล่ และแขน มักพบในคนทำงานออฟฟิศ แต่หากปวดบ่อย ปวดนาน ปวดมากขึ้น หรือมีอาการชาร่วมด้วย นั่นอาจไม่ใช่อาการของโรคออฟฟิศซินโดรมทั่วไป เพราะเป็นไปได้ว่า ‘โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม’ อาจกำลังถามหาแล้ว 

สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

โรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งอายุที่มากขึ้น และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ก้มหน้าก้มคอเล่นโทรศัพท์มือถือนานๆ นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ในท่าที่ไม่ถูกต้องต่อเนื่องเป็นประจำ ส่วนในคนอายุน้อยอาจเกิดจากหมอนรองกระดูกบาดเจ็บ เพราะยกของหนักเกินไป การเล่นกีฬา หรือได้รับอุบัติเหตุ เป็นต้น

อาการปวดคอ บ่า ไหล่ หากเป็นต่อเนื่องโดยไม่ได้รับการรักษา มีโอกาสที่โรคจะลุกลามจนหมอนรองกระดูกคอไปกดทับที่บริเวณเส้นประสาทไขสันหลัง ซึ่งจะทำให้มีอาการปวดร้าวจากคอมาไหล่ มาแขน และชาปลายนิ้วได้

อาการของโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

อาการปวดของโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมในระยะแรกจะคล้ายกับการปวดออฟฟิศซินโดรม แต่จะปวดนานกว่า โดยเริ่มจากการปวดบริเวณต้นคอและสะบัก ทำให้เคลื่อนไหวคอไม่สะดวก ต่อมาจะมีอาการติดขัดในการขยับคอ ปวดร้าวไปถึงไหล่ แขน และปลายนิ้ว ซึ่งเมื่ออาการลุกลาม ก็จะเกิดการชาที่แขน ขา มือ และเท้า รู้สึกอ่อนแรงจนทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงมาก เพราะระบบประสาทถูกรบกวนจนไม่สามารถควบคุมร่างกายได้เหมือนปกติ ดังนั้น หากมีสัญญาณหรืออาการเตือนดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจ วินิจฉัย และทำการรักษาให้เร็วจะดีกว่า

แนวทางการรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม

ปัจจุบันการรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมมีอยู่หลายวิธี ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของโรค ซึ่งหากอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาด้วยการกินยา ทำกายภาพบำบัด ร่วมกับการปรับพฤติกรรมควบคู่กันไป เพื่อบรรเทาอาการปวดและช่วยให้อาการของโรคดีขึ้น

กรณีรักษาและดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ครบ 6 สัปดาห์แล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติม เช่น การรักษาด้วยการใช้เลเซอร์ การใช้คลื่นความร้อน การฉีดยาเข้าเส้นประสาทบริเวณคอ การใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงเพื่อลดแรงดันของหมอนรองกระดูก

สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เริ่มมีอาการชา แขนขาอ่อนแรง สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดผ่านกล้องไมโครสโคปกำลังขยายสูง ซึ่งเป็นการผ่าตัดที่มีแม่นยำและปลอดภัยสูง ผู้ป่วยจะมีเพียงแผลเล็กๆ หลังผ่าตัด จึงลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อนได้ดี ทั้งยังฟื้นตัวเร็ว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลนานก็กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ



Loading...
Loading...