แนะนำเมนูไม่ (ลับ) สำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง

พญาไท 2

4 นาที

อ. 27/02/2024

แชร์


Loading...
แนะนำเมนูไม่ (ลับ) สำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง

อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ไม่ได้ทดแทนการทำงานของไตทั้ง 100% ไตปกติทำงานสัปดาห์ละ 168 ชั่วโมง ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องไตเทียมคิดเทียบต่อนาที เท่ากับ หรือมากกว่าการทำงานของไตปกติก็จริง แต่เมื่อรวมจำนวนชั่วโมงแล้ว เครื่องไตเทียมทำงานช่วยกำจัดของเสียออกจากเลือดแทนไต ผู้ป่วยได้เพียง 8-10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือเท่ากับ 6-7% ของชั่วโมง การทำงานของไตปกติเท่านั้น อีกประมาณ 150 ชั่วโมงที่เหลือเป็นช่วงเวลาที่ของเสียยังค้างสะสมในร่างกาย ภายหลังการทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมยังมีของเสียที่ตกค้างอยู่ในร่างกายอีกมากมาย และระดับของกรด   อะมิโน (essential amino acid) จำเป็นในผู้ป่วยที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมยังมีค่าต่ำ นอกจากนี้ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมในระยะยาว ยังอาจทำให้เกิดผลเสียอื่น ๆ อีกบางประการ เช่น เกิดเสียสมดุลโปรตีน ผู้ป่วยจึงไม่ควรนิ่งนอนใจว่า เมื่อทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมแล้ว จะรับประทานทุกอย่างได้ตามสบาย

การควบคุมและรับประทานอาหารที่ถูกต้อง มีประโยชน์อย่างมากต่อผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ในผู้ป่วยที่โรคยังเป็นไม่มาก การรับประทานอาหารที่ถูกต้องตามหลักวิชาอาจช่วยชะลอความเสื่อมของไตได้ ในผู้ป่วยที่มีโรคไตวายมากแล้ว การรับประทาน อาหารที่ถูกต้องช่วยลดการสร้าง และการสะสมของเสียในร่างกาย ทำให้อาการบางอย่าง เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ลดลง สำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่รับการรักษาด้วยเครื่องไตเทียม การรับประทานอาหารที่ถูกต้องช่วยลดระดับของยูเรียไนโตรเจนในเลือด (serum urea-nitrogen) โดยไม่ทำให้เกิดภาวะร่างกายขาดสารอาหารโปรตีน และช่วยลดระดับฟอสเฟตในเลือดให้ลดลง อาหารที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ ได้แก่ พลังงาน โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ และวิตามิน

พลังงานที่ควรได้รับในแต่ละวัน

ในผู้ป่วยไตวายที่มีอายุน้อยกว่า 60 ปี ควรได้รับพลังงาน 35 กิโลแคลอรีต่อวัน แต่สำหรับผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 60 ปี ควรได้รับพลังงาน 30-35 กิโลแคลอรีต่อวัน

ปริมาณโปรตีนที่ควรบริโภค

ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ทำการรักษาด้วยการฟอกเลือด ควรรับประทานอาหารที่มีปริมาณค่าพลังงานตามที่กำหนด และมีสัดส่วนของปริมาณโปรตีนเท่ากับ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูง บางชนิด ได้แก่ ไข่แดง นมสด ถั่วต่าง ๆ และเนย เนื่องจากจะมีฟอสเฟตและคลอเลสเตอรอล (cholesterol) สูงด้วย ซึ่งไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง

ในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารได้ปกติ ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารจำพวกของกรดอะมิโนที่จำเป็นเสริม เช่น       คีโตสเตอริล (ketosteril) อะมียู (amiyu) เนื่องจากหากรับประทานอาหารโปรตีนได้ตามที่กำหนดก็จะได้รับกรดอะมิโนได้เพียงพอกับความต้องการเช่นกัน แต่ถ้าไม่สามารถรับประทานอาหารโดยเฉพาะโปรตีนได้ การรับประทานกรดอะมิโนเสริม     ก็จะช่วยไม่ให้ผู้ป่วยขาดสารอาหารดังกล่าว โดยคิดเป็นอัตราส่วนปริมาณโปรตีนลดลงครึ่งหนึ่ง (ประมาณ 40 กรัมโปรตีนต่อวัน) ร่วมกับการรับประทานส่วนผสมของกรดอะมิโนที่จำเป็น (essential amino acid) เสริมประมาณ 7 -10 กรัมต่อวัน (ตามแพทย์สั่ง) เนื่องด้วยเหตุผลต่อไปนี้

  1. ระดับของกรดอะมิโนที่จำเป็นในเลือดและเซลล์ของผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมีค่าต่ำกว่าปกติ ทำให้ประสิทธิภาพร่างกายเกี่ยวกับการสังเคราะห์โปรตีนบกพร่อง
  2. ระหว่างการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมีการสูญเสียกรดอะมิโนที่จำเป็นบางส่วนไปในน้ำยาฟอกเลือด หากไม่รับประทานกรดอะมิโนที่จำเป็นให้มากพอ ผู้ป่วยจะเกิดภาวะขาดสมดุลโปรตีน ควรเลือกใช้ไข่ขาวหรือปลาเป็นแหล่งโปรตีน จากอาหาร เพราะมีสารปนเปื้อนที่มีโทษต่อร่างกาย เช่น กรดยูริก ฟอสเฟต กรดไขมันอิ่มตัวซึ่งเป็นสารต้นแบบของคลอเลสเตอรอล และกรดอินทรีย์อื่น ๆ น้อยกว่าที่มีในแหล่งโปรตีนจากอาหารอื่น หลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์
  3. ระหว่างการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมมีการสัมผัสระหว่างเยื่อผิว (membrane) ของอุปกรณ์ไตเทียม (dialyzer) กับเซลล์เม็ดเลือดบางอย่าง เกิดการกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดให้หลั่งสารบางอย่างออกมา ซึ่งกระตุ้นการสลายสารโปรตีนในร่างกายเพิ่มขึ้น เกิดภาวะสมดุลโปรตีนลบ แต่ถ้ารับประทานโปรตีนมากไป อาจทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายดังนี้ คือ

3.1 มีการสะสมของสารไนโตรเจนในร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะการสะสมในรูปยูเรียในช่วงวันที่ไม่ได้ทำการฟอกเลือด ระดับของยูเรีย-ไนโตรเจนในเลือดจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก

3.2 มีการสะสมของสารฟอสเฟตในร่างกาย ระดับฟอสเฟตในเลือดเพิ่มสูงมาก ทำให้ระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (parathyroid hormone) เพิ่มสูงตาม กระตุ้นการดึงแคลเซียมออกจากกระดูก เกิดโรคกระดูกผุได้ง่าย

ปริมาณไขมันที่ควรบริโภค

หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสัตว์มากหรือมีกะทิมาก เพราะกรดไขมันอิ่มตัว (saturated fatty acid) สูง การรับประทานอาหารประเภทนี้ จะเพิ่มระดับคลอเลสเตอรอลในเลือดเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดทั่วไป หลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดในสมองได้ ควรหลีกเลี่ยงอาหารพวกนี้ เช่น ขาหมู หมูสามชั้น เป็ดย่าง ไก่ทอด เป็ดปักกิ่ง แกงที่ใส่กะทิ น้ำมันหมู ไข่แดง นมสด เนย เป็นต้น

ปริมาณเกลือแร่ที่ควรบริโภค

ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ได้รับการรักษาด้วยเครื่องโตเทียม ควรหลีกเลี่ยง อาหารรสเค็ม เช่น อาหารที่ใส่เกลือ น้ำปลา หรือซีอิ๊ว อาหารดองเค็ม เพราะการรับประทานเค็ม ทำให้มีเกลือโซเดียมและน้ำคั่งค้างในร่างกายมาก น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่ควร เกิดภาวะความดันโลหิตสูง และบวม การรับประทานอาหารเค็มเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจโต น้ำท่วมปอด หรือหัวใจวายได้ง่าย

ปริมาณวิตามินและแร่ธาตุที่ควรบริโภค

ควรรับประทานธาตุเหล็ก เสริมด้วย เพื่อช่วยให้ภาวะเลือดจางดีขึ้น

ควรรับประทานวิตามินเสริม ที่ประกอบด้วย วิตามิน B1, B2, B6, B12, กรดโฟลิก (folic acid) และวิตามิน C เพราะวิตามินเหล่านี้มีหลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามิน A เพราะ ระดับวิตามิน A มีค่าสูงอยู่แล้วในผู้ป่วยโรคโตวายเรื้อรัง

หลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามิน A เพราะระดับวิตามิน A มีค่าสูงอยู่แล้วในผู้ป่วยโรคโตวายเรื้อรัง

ควรรับประทานวิตามิน D ชนิด 1-alpha-hydroxylated form ได้แก่ 1-hydroxy D หรือ 1,25-dihydroxy D3 เพื่อป้องกันปัญหาโรคกระดูกผุในระยะยาว แต่การรับประทานวิตามิน D ดังกล่าว ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะถ้ารับประทานมากไป อาจเกิดอันตรายได้

ปริมาณน้ำที่ควรบริโภค

ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังที่ได้รับการรักษาด้วยเครื่องไตเทียม ควรดื่มน้ำปริมาณจำกัด โดยกำหนดให้ดื่มน้ำวันละประมาณ 500 มิลลิลิตรหรือประมาณ 2 แก้ว การสังเกตว่าน้ำในร่างกายมีมากเกินไปหรือไม่ อาจทำได้ง่าย ๆ โดยการชั่งน้ำหนักทุกเช้า น้ำหนักควรเพิ่มขึ้นวันละ ไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม หากน้ำหนักเพิ่มมากกว่า 0.5 กิโลกรัมต่อวัน แสดงว่าร่างกายกำลังมีน้ำมากเกิน จำเป็นต้องงดหรือลดการดื่มน้ำสำหรับวันนั้น การมีน้ำในร่างกายมาก อาจทำให้เกิดอาการบวมตาม ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เกิดภาวะน้ำท่วมปอด เกิดภาวะหัวใจวาย หรือเกิดภาวะความดันโลหิตสูงได้

อาหารที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง ที่ทำการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม

  1. อาหารโปรตีนต่ำ 40 กรัมโปรตีนต่อวัน ร่วมกับเสริมกรดอะมิโน จำเป็น 9 ชนิด หรือ อาหารโปรตีนสูง 60-75 กรัม โปรตีนต่อวัน
  2. ใช้ไข่ขาว และปลาเป็นแหล่งอาหารโปรตีน
  3. หลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์
  4. หลีกเลี่ยงไขมันสัตว์ และกะทิ
  5. งดอาหารเค็ม จำกัดน้ำ
  6. งดผลไม้ ยกเว้นในช่วงฟอกเลือด
  7. งดอาหารที่มีฟอสเฟตสูง เช่น เมล็ดพืช นมสด เนย ไข่แดง เป็นต้น
  8. รับประทานวิตามิน B รวม C และกรดโฟลิก รับประทานวิตามิน D ชนิด 1-alpha hydroxylated form ตามแพทย์สั่ง หลีกเลี่ยงวิตามิน A

การนำไปประยุกต์ใช้จริงในชีวิตประจำวัน

ก่อนอื่นต้องคำนวณก่อนว่าใน 1 วัน จะสามารถบริโภคอาหารได้ทั้งหมดกี่กิโลแคลอรีต่อวัน โดยคิดจากน้ำหนักตัวแล้วคูณด้วย 30-35 ขึ้นอยู่กับอายุ โดยอาหารหมวดโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต 1 กรัมจะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี ส่วนไขมัน 1 กรัมจะให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี หลังจากนั้นนำมาคำนวณปริมาณโปรตีนที่สามารถบริโภคได้ใน 1 วัน โดยเฉลี่ยประมาณ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว หลังจากนั้นมาแบ่งตามมื้ออาหารที่บริโภค โดยปกติแบ่งเป็น 3 มื้อหลัก ๆ หลังจากนั้นมาคิดส่วนประกอบอาหารตาม ตารางแลกเปลี่ยนอาหาร ดังนี้

  1. อาหารหมู่เนื้อสัตว์ 1 ส่วน คือ
  • เนื้อสัตว์ที่ให้โปรตีนประมาณ 5 กรัม ได้แก่ เนื้อสัตว์ที่ต้มสุกแล้วประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ หรือหนัก 15 กรัม
  • ไข่ไก่ฟองขนาดกลาง 12 ฟอง
  • กุ้งขนาดกลาง 4 ตัว ลูกชิ้นขนาดกลาง 4 ลูก ขนาดใหญ่ 2 ลูก
  1. อาหารหมู่ข้าว 1 ส่วน ให้โปรตีนประมาณ 3 กรัม ได้แก่
  • ข้าวสาร 20 กรัม หรือข้าวสุกประมาณ 1 ทัพพี หนักประมาณ 50 กรัม (ประมาณ 12 ถ้วยตวง)
  • เส้นก๋วยเตี๋ยวสุก เกี้ยมอี๋ 12 ถ้วยตวง หนักประมาณ 50 กรัม
  • ขนมจีน 1 จับ หนักประมาณ 90 กรัม
  • เส้นก๋วยจั๊บสุก 12 ถ้วยตวง ขนมปังปอนด์ 15 กรัม หรือ 3/5 แผ่นมาตรฐาน (1 แผ่นหนัก 25 กรัม)
  1. พวกแป้งที่เกือบไม่มีโปรตีน รับประทานได้โดยไม่ต้องมาคิดคำนวณโปรตีน ได้แก่
  • วุ้นเส้น (1 ห่อ 40 กรัมต้มแล้วได้วุ้นเส้นสุกประมาณ 112 ถ้วยตวง)
  • ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ (2 แผ่นกลมใหญ่)
  • ลอดช่องสิงคโปร์ ซาหริ่ม รวมมิตร สาคู แป้งมัน (1 ช้อนตวง = 6 กรัม)
  • แป้งข้าวโพด แป้งท้าวยายม่อม ถ้าไม่จำกัด แคลอรี รับประทานได้มากเท่าที่ต้องการ
  1. พวกน้ำมัน และไขมัน 1 ส่วน คือ น้ำมันพืช 1 ช้อนชา ได้แก่
  • น้ำมันพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง เป็นไขมัน 100% ไม่มีโปรตีน
  • หัวกะทิข้น (คั้นโดยไม่ใส่น้ำ) มีโปรตีน 3% ดังนั้น 1 ช้อนโต๊ะ มีโปรตีน 0.65 กรัม
  1. อาหารหมู่ผัก 1 ส่วน คือ ผักที่ให้โปรตีน 0.5 กรัม ได้แก่
  • หัวผักกาดขาว ต้มสุก 250 กรัม สายบัว 170 กรัม ฟักเขียว 100 กรัม
  • แตงกวา 80 กรัม มะระ 70 กรัม เห็ดหูหนู 50 กรัม ฟักทอง 35 กรัม
  • ผักกวางตุ้งและผักกาดขาว 30 กรัม ผักคะน้า 25 กรัม ผักบุ้ง 20 กรัม
  • ถั่วงอก 12.5 กรัม
  1. อาหารหมู่ผลไม้ 1 ส่วน คือ ผลไม้ที่ให้โปรตีน 0.5 กรัม ได้แก่
  • น้ำสับปะรดกระป๋อง 500 มิลลิกรัม น้ำส้ม 120 มิลลิกรัม
  • ละมุดและสาลี่ 120 กรัม มะละกอ ชมพู่ แตงโม 100 กรัม หรือ 10 ชิ้นพอดีคำ
  • ส้มเขียวหวาน แอปเปิล มะม่วงสุก 80 กรัม
  • ฝรั่ง ลำไย กล้วยหอม 50 กรัม น้อยหน่า 35 กรัม ทุเรียน 15 กรัม
  1. อาหารหมู่ผลไม้ 1 ส่วน คือ
  • ผลไม้ที่ให้โปรตีน 0.5 กรัม ได้แก่
  • น้ำสับปะรดกระป๋อง 500 มิลลิกรัม น้ำส้ม 120 มิลลิกรัม
  • ละมุดและสาลี่ 120 กรัม มะละกอ ชมพู่ แตงโม 100 กรัม หรือ 10 ชิ้นพอดีคำ
  • ส้มเขียวหวาน แอปเปิ้ล มะม่วงสุก 80 กรัม
  • ฝรั่ง ลำโย กล้วยหอม 50 กรัม น้อยหน่า 35 กรัม ทุเรียน 15 กรัม
  1. เครื่องปรุง ได้แก่
  • เกลือและน้ำส้มสายชู จะไม่มีโปรตีน
  • น้ำปลาอย่างดี 1 ช้อนชา มีโปรตีน 0.3 กรัม
  • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา มีโปรตีน 0.26 กรัม
  • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนชา มีโปรตีน 0.5 กรัม

ตัวอย่างการคำนวณอาหาร

ผู้ป่วยอายุ 35 ปี น้ำหนัก 55 กิโลกรัม กำหนดให้ได้แคลอรี 35 x 55 = 1,925 กิโลแคลอรี และได้โปรตีน ประมาณ 60 กรัมต่อวัน ประกอบด้วย

1.      เนื้อสัตว์ 12 ส่วน (4-4-4)
2.      ข้าวเจ้าหรือข้าวเหนียว 7 ส่วน (3-0-4)
3.      อาหารที่ทำจากแป้งสาลี 3 ส่วน (0-3-0)
4.      ผักที่มีโปรตีนน้อย 6 ส่วน (1-3-2)
5.      น้ำมันพืช 6.6 ส่วน (6 1/2 ช้อนชา) (2-2-2 1/2)
6.      สาคูหรือแป้งถั่ว 60 กรัม (6 ช้อนโต๊ะ) (30-30-0)
7.      น้ำตาลทราย 72 กรัม (6 ช้อนโต๊ะ) (3-3-0)

 

แบ่งเป็น 3 มื้อหลักโดยมีสัดส่วนตามที่ได้วงเล็บไว้ ได้แก่

  • มื้อเช้า ข้าวต้มหมูหรือกุ้ง (ข้าวสุก 3 ทัพพี เนื้อสุก 4 ช้อนโต๊ะ) และสาคูเปียก (สาคู และน้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ)
  • มื้อกลางวัน มักกะโรนีผัด (มักกะโรนี 60 กรัม เนื้อสัตว์ 4 ช้อนโต๊ะ ต้นหอม 35 กรัม มะเขือเทศสีดา 55 กรัม

หอมใหญ่ 35 กรัม น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ) และตะโก้มะพร้าวอ่อน (แป้ง ถั่ว และน้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ)

  • มื้อเย็น ข้าวสวย 4 ทัพพี ไข่เจียว (ไข่ 1 ฟอง น้ำมันพืช 2 1/2 ช้อนโต๊ะ) แกงสัม (เนื้อกุ้ง 30 กรัม ผักบุ้ง 20 กรัม ฟักทอง 35 กรัม)

 

ศูนย์ไตเทียม โรงพยาบาลพญาไท 2 ชั้น 14 อาคาร A โทร. 02-617-2444 ต่อ 1683, 1684

อ้างอิง

คู่มือ สำหรับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง

ที่ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
จัดทำโดย
สาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หน่วยโรคไต ฝ่ายอายุรศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

แชร์

Loading...
Loading...
Loading...