จากกรณีข่าวที่มีการเผยแพร่ในโลกโซเชียลเกี่ยวกับการเสียบหูฟังเพลงไปพร้อมขณะที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ จะส่งผลกระทบต่อสมองหรือระบบประสาทหรือไม่ และหากเกิดไฟฟ้าช็อตจะเป็นอันตรายอย่างไร
ในปัจจุบันยังไม่มีผลการวิจัยยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าคลื่นจากโทรศัพท์มือถือมีอันตรายหรือไม่ และจากงานวิจัยที่ออกมาให้เห็นนั้นมีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากมือถือส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งหรือเนื้องอกในสมองได้ ดังนั้น สิ่งที่อยากแนะนำคือควรยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อนคือ
- หลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์มือถือเป็นเวลานาน
- หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะที่ตัวเปียก
- ขณะหลับควรนำโทรศัพท์มือถือออกห่างตัว
- ไม่ควรใช้โทรศัพท์ขณะชาร์จ เพราะหากเกิดไฟฟ้าลัดวงจร กระแสไฟฟ้าสามารถไหลผ่านร่างกายเข้าสู่สมองได้โดยตรง
โดยปกติแล้วหากเกิดปัญหาเรื่องไฟฟ้าลัดวงจรของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างที่เราทราบข่าวกันมา ถ้าเราใช้อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตราฐาน ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าลัดวงจร ส่งผลให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเหล่านั้นอาจมีการระเบิด หรือมีไฟฟ้ารั่ว หรือถ้าเป็นโทรศัพท์มือถือและมีการเสียบสายหูฟังร่วมด้วยก็มีความเป็นไปได้ว่า สายหูฟังนั้นจะเป็นตัวนำส่งและรับสัญญาณไฟฟ้าที่รั่วเข้าสู่หู ซึ่งหูของคนเราเชื่อมต่อกับสมองโดยตรงทำให้เพิ่มความรุ่นแรงในการบาดเจ็บขึ้นมาได้
ทั้งนี้หากไฟฟ้าที่รั่วไหลมีขนาดไม่มากนักก็สามารถทำลายระบบประสาทได้ เช่น ทำให้มีอาการมึนงง แต่ถ้าปริมาณมากขึ้นอาจจะเป็นไฟดูด ซึ่งคือการที่ไฟฟ้าไหลผ่านร่างกายเราไป ผู้ป่วยบางรายอาจจะหมดสติได้ ปกติจะหมดสติไป 2-3 ชั่วโมง แต่ที่พบบ่อยคือ 5-10 นาที ขึ้นอยู่กับปริมาณของกระแสไฟฟ้าด้วย และหลังจากที่ผู้ป่วยฟื้นขึ้นมาจะมีภาวะหลงลืม หรืออาจมีอาการสับสันชั่วคราวได้ ถ้าความรุนแรงมากกว่านั้น อาจมีภาวะพฤติกรรมเปลี่ยนไป สภาพจิตใจผิดปกติ สมองเสียหาย บางรายมีอาการอ่อนแรง ชัก ปวดศีรษะตามมา
