เมื่อมีอาการจุกแน่นหรือแสบบริเวณลิ้นปี่ แน่นอนว่า…ผู้ป่วยแทบทุกคนต่างคิดไปว่า ตัวเองเป็น “โรคกระเพาะ” ซึ่งจริงๆ แล้ว อาการเหล่านี้ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นโรคกระเพาะเสมอไป เพราะอาจเกิดจากความผิดปกติในกระเพาะอาหารแหละหลอดอาหาร ตลอดจนอาจป่วยเป็นโรคอันตราย เช่น มะเร็งกระเพาะอาหารได้ การไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด จึงเป็นเพียงหนทางเดียวที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาอย่างถูกจุด
จะรู้ได้อย่างไร ? ว่าอาการที่เป็นอยู่ คือ “โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร”
แน่นอนว่าโรคมะเร็งในช่วงระยะแรกเริ่มมักไม่แสดงอาการรุนแรง หรือถ้ามีอาการก็จะคล้ายๆ เป็นโรคกระเพาะ ดังนั้น!! ผู้ป่วยจึงควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยด้วยการส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนบน แต่หากโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ในระดับขั้นรุนแรง มักจะมีอาการอาเจียนเรื้อรัง โดยอาเจียนเป็นเลือดหรือเป็นสีดำ อุจจาระเป็นสีดำ โลหิตจาง อ่อนเพลีย น้ำหนักลด เบื่ออาหาร ร่วมด้วย ซึ่งผู้ป่วยในระยะนี้จะมีโอกาสหายขาดเพียงแค่ 4% เท่านั้น!! การรีบตรวจรีบรักษาตั้งแต่อาการยังไม่มาก จึงเป็นสิ่งสำคัญ
เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร หรือ เอช.ไพโลไร (H.pylori) เชื้อโรคตัวร้ายที่ก่อให้เกิดมะเร็ง
ใครบ้าง ? ที่เสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
- ผู้ที่มีอาการหลังอายุ 50 ปี เมื่อรักษาแล้วไม่ดีขึ้น หรือกลับมาเป็นซ้ำ!! แล้วมีอาการอาเจียนเรื้อรัง อาเจียนเป็นเลือดหรือสีดำ อุจจาระเป็นสีดำ กลืนติดหรือกลืนลำบาก ไข้ ซีด โลหิตจาง อ่อนเพลีย น้ำหนักลด เบื่ออาหาร ร่วมด้วย
- ผู้ที่มีญาติป่วยเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร ทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งได้
- ผู้ที่มีความเสี่ยงของการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เช่น ผู้ที่มีความจำเป็นต้องกินยาละลายลิ่มเลือดหรือแอสไพรินในระยะยาว หรือจำเป็นต้องกินยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบนานติดต่อกัน