อยากแผลหายเร็วต้องรู้! วิธีดูแลแผลสด แผลเรื้อรัง และการป้องกันการเกิดแผลเป็น

พญาไท พหลโยธิน

2 นาที

จ. 31/03/2025

แชร์


Loading...
อยากแผลหายเร็วต้องรู้! วิธีดูแลแผลสด แผลเรื้อรัง และการป้องกันการเกิดแผลเป็น

การดูแลรักษาแผลที่ถูกต้อง ต้องคำนึงถึงชนิด ลักษณะ ขนาด และความลึกของแผล เพื่อให้แผลหายเร็ว และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อ การเกิดแผลเป็น โดยแผลสดควรเน้นด้านความสะอาด และป้องกันการติดเชื้อ ในขณะที่แผลหายช้า หรือแผลเรื้อรัง ควรเน้นการป้องกันการเกิดแผลเป็น ทั้งนี้ สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างแรก คือการล้างแผลให้ถูกวิธี

 

ขั้นตอนการล้างแผลอย่างถูกวิธี

การล้างแผลอย่างถูกวิธี มีส่วนอย่างมากในการทำให้แผลหายดี หายไว ไม่ติดเชื้อง่าย ซึ่งมีขั้นตอน ดังนี้

  • ล้างมือให้สะอาด ด้วยน้ำ และสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นไม่น้อยกว่า 60%
  • เตรียมอุปกรณ์ เช่น ผ้าก๊อซ น้ำเกลือสำหรับล้างแผล (9% Normal Saline) ชุดเครื่องมือทำความสะอาด และถุงมืออนามัย
  • สวมถุงมืออนามัย ป้องกันการสัมผัสแผลโดยตรง เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ
  • ทำความสะอาดรอบแผล โดยใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำเกลือ แล้วใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดรอบๆแผล ห้ามเช็ดที่แผลโดยตรงเพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหาย
  • ใช้น้ำเกลือ ด้วยการเทหรือใช้ผ้าก๊อซชุบเช็ด หรือล้างเบาๆ โดยเริ่มจากแผลด้านในออกมาด้านนอก เพื่อไม่ให้เชื้อโรคจากผิวหนังสัมผัสกับแผล
  • ใช้ผ้าก๊อซ หรือผ้าสะอาดที่ไม่เป็นขุยเช็ดเบาๆ ให้แผลแห้ง
  • กรณีต้องใช้ยาทาแผล เช่น ยาฆ่าเชื้อ หรือยาช่วยลดการเกิดแผลเป็น ให้ทำตามคำแนะนำของแพทย์
  • ใช้ผ้าก๊อซ หรือผ้าพันแผลปิดแผลให้แน่น ไม่ควรใช้สำลีปิดแผล เพราะอาจทำให้ดึงออกยาก แผลได้รับการกระทบกระเทือน และเจ็บแผลขณะแกะออก
  • หลังล้างแผลเสร็จ ควรทิ้งอุปกรณ์ที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่มีฝาปิดแน่นหนา และล้างมือให้สะอาดอีกครั้ง

 

การเลือกใช้ยาฆ่าเชื้อ

การเลือกใช้ยาฆ่าเชื้อ ควรพิจารณาจากลักษณะ และประเภทของแผล เพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้

  • แผลสด และแผลถลอก ใช้ยาแดง (Mercurochrome) หรือโพวิโดน-ไอโอดีน (Povidone-Iodine) แต่ควรระวังการใช้กับแผลที่ผิวอ่อน เพราะอาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคือง
  • แผลเรื้อรัง หรือแผลเปื่อย ใช้ยาเหลือง (Acriflavine) แต่อาจมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อน้อยกว่าและออกฤทธิ์ช้า
  • แผลหนอง หรือเนื้อเยื่อตาย ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 3% ทำความสะอาดแผลและช่วยกำจัดเนื้อเยื่อตาย ซึ่งควรใช้เฉพาะช่วงแรกของการทำแผลเพื่อละลายเนื้อตาย แต่ห้ามใช้ต่อเนื่อง เพราะอาจทำลายเนื้อเยื่อใหม่ที่กำลังสร้าง
  • แผลที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดรอบๆ แผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งในปัจจุบันมียาฆ่าเชื้อที่ประสิทธิภาพ และไม่ทำลายเนื้อเยื่อเช่น Octenidine, Polihexanide, Povidone-Iodine, Sodium Hypochlorite และ Nanosilver

 

วิธีเลือกอุปกรณ์ และวัสดุปิดแผลให้เหมาะกับแผลแต่ละประเภท

เพื่อให้แผลหายเร็ว และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรเลือกอุปกรณ์และวัสดุปิดแผล ดังนี้

  1. แผลที่มีของเหลวมาก (Exudating wounds) ใช้วัสดุปิดแผล ที่สามารถดูดซับของเหลวได้ดี เช่น
  • อัลจิเนต (Alginate) Dressing ซึ่งดูดซับน้ำเหลืองได้ดี ช่วยรักษาความชุ่มชื้น
  • ไฮโดรไฟเบอร์ (Hydrofiber) Dressing ดูดซับน้ำเหลืองได้มาก และป้องกันการเปื่อยยุ่ยที่ขอบแผล
  • โฟม (Foam) Dressing ช่วยดูดซับของเหลว และลดการระคายเคือง

 

  1. แผลที่มีการติดเชื้อ หรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ (Infected or high risk of infection) ใช้วัสดุปิดแผลที่มีสารต้านเชื้อ เช่น
  • ซิลเวอร์ (Silver) Dressing ที่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น Silver Foam Dressing หรือ Aquacel Ag
  • ไฮโดรคอลลอยด์ (Hydrocolloid) Dressing ช่วยรักษาความชุ่มชื้นในแผล และป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ลดโอกาสการติดเชื้อ
  1. แผลที่มีเนื้อเยื่อเสียหาย หรือจำเป็นต้องทำการล้างแผล (Necrotic or needing debridement) ควรใช้
  • ไฮโดรเจล (Hydrogel) Dressing ช่วยกระตุ้นการย่อยสลายเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว
  • ไฮโดรคอลลอยด์ (Hydrocolloid) Dressing ช่วยรักษาความชุ่มชื้นและกระตุ้นการสมานแผล
  1. แผลที่ต้องการการป้องกันการระคายเคือง เช่น แผลจากการผ่าตัด หรือแผลที่เพิ่งหายจากการผ่าตัด แผลจากการเบียดหรือแรงกด ควรใช้ผ้าพันแผลที่ไม่ติดกับแผล เช่น Silicone Foam Dressing เพื่อลดการระคายเคือง และทำให้การเปลี่ยนผ้าพันแผลง่ายขึ้น
  2. แผลที่มีผิวที่อ่อนแอหรือใกล้หาย ควรเลือกวัสดุปิดแผลที่ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง เช่น ซิลิโคน (Silicone) Foam Dressing ซึ่งไม่ติดแผล และNon-adherent Dressing เช่น Mepitel หรือ Urgotul ซึ่งเหมาะสำหรับแผลที่ใกล้หาย และไม่ทำให้แผลติด หรือยุ่ยในระหว่างการเปลี่ยนผ้าพันแผล

 

ข้อควรระวังในการดูแลแผลเพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ

การดูแลบาดแผลอย่างถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญในการลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และป้องกันภาวะแทรกซ้อน ซึ่งควรปฏิบัติดังนี้

  • ไม่ให้แผลสัมผัสน้ำ และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลโดยตรง โดยใช้ถุงมืออนามัย หรืออุปกรณ์ที่สะอาดในการทำแผล
  • ไม่ใช้สารที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น น้ำส้มสายชู แอลกอฮอล์ไอโซโพรพิล หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์โดยตรงกับแผล
  • รักษาความสะอาดบริเวณรอบแผล เปลี่ยนผ้าปิดแผลทุกวัน หรือเมื่อเปียกชื้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เชื้อดื้อยา
  • รับประทานอาหารที่ช่วยสมานแผล เช่น โปรตีน วิตามินซี และธาตุสังกะสี
  • หมั่นสังเกตอาการผิดปกติ เช่น อาการบวม แดง ร้อน หรือมีหนองไหล หากพบสัญญาณของการติดเชื้อ ควรรีบพบแพทย์

 

การดูแลรักษาแผลเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความระมัดระวัง และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับลักษณะของแผล การเลือกใช้อุปกรณ์และวัสดุที่เหมาะสม รวมถึงการปฏิบัติตามข้อควรระวังเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ล้วนมีส่วนช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน

 

หากท่านมีข้อสงสัย หรือประสบปัญหาในการดูแลแผลด้วยตนเอง โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน พร้อมให้บริการดูแลรักษาแผลทุกประเภท โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง พร้อมด้วยอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ช่วยให้แผลหายไว หายดี แผลสวย ภายใต้มาตรฐานการรักษาระดับสากล ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการดูแลแผลของคุณ

ลงทะเบียน ปรึกษาแพทย์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย คลิก

 

นพ. ศิขริน ศรพิพัฒน์พงศ์
ศัลยแพทย์เฉพาะทางการผ่าตัดผ่านกล้อง
และการผ่าตัดรักษาโรคอ้วน

โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน

การดูแลรักษาแผลที่ถูกต้อง

วิธีดูแลแผลสด แผลเรื้อรัง และการป้องกันการเกิดแผลเป็น


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ



Loading...
Loading...