ข้อเข่าเสื่อม

พญาไท พหลโยธิน

2 นาที

จ. 08/07/2024

แชร์


Loading...
ข้อเข่าเสื่อม

ข้อเข่าเสื่อม เป็นโรคที่พบบ่อยในผู้สูงอายุโดยพบในเพศหญิงบ่อยกว่าชาย ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะพบแพทย์ด้วยอาการปวดเข่าเป็นสำคัญบางคนอาจจะมาด้วยอาการเดินลำบาก ข้อติดมีเสียงดัง บางคนก็ไม่ปวดมากจะปวดเฉพาะเวลาขึ้นหรือลงบันไดหรือนั่งยองๆ หรือนั่งนานแล้วจะลุกเท่านั้น สาเหตุเกิดจากความเสื่อมของผิวข้อเนื่องจากการใช้งานมาก และเนื่องจากความชราภาพ แต่บางครั้งก็พบในคนไข้ที่อายุน้อย ซึ่งเคยมีประวัติจากการบาดเจ็บของข้อเข่านั้นมาก่อน เช่น เอ็นไขว้ขาด หรือหมอนรองเข่าฉีกขาด หรือกระดูกหักเข้าข้อ หรือบางคนเกิดจากลูกสะบ้าเอียงก็เป็นสาเหตุได้ และปัจจัยเสริมให้เกิดอาการคือ ล้ม เดินทางไกล ยืนหรือเดินมากเกินไป น้ำหนักตัวมาก

 

อาการปวดข้อเข่า เสียงก๊อกแก๊กดังจากหัวเข่ามีได้ 2 ลักษณะคือ แบบที่ไม่มีอาการปวดร่วมด้วย และแบบที่มีเสียงร่วมไปกับอาการปวด หรือรู้สึกข้อเข่าไม่มั่นคง บางครั้งอาจทำให้เสียวเข่าได้ ทั้งนี้ ในกรณีที่เกิดเสียงดังที่หัวเข่าแบบที่ไม่มีอาการปวดเข่าร่วมด้วยนั้น พบเฉพาะเวลางอเข่ามากๆ เป็นเวลานานๆ เช่นการนั่งยองๆ หรือลุกจากเก้าอี้เตี้ย เสียงดังในลักษณะนี้เกิดจากการขบกันของผิวกระดูกอ่อนหรือเนื้อเยื่อ เส้นเอ็นในข้อเข่า โดยทั่วไปแล้วมักจะไม่เป็นปัญหาใดๆ แต่ในกรณีที่มีเสียงที่ดังก๊อกแก๊ก หรือรู้สึกเข่าลั่น ร่วมกับอาการปวดเข่า อาจเกิดจากความผิดปกติบริเวณหัวเข่า เช่น ข้อเข่าเสื่อมจากกระดูกอ่อนผิวข้อมีการสึกกร่อนจนพื้นผิวข้อขรุขระ หรือมีนำหล่อเลี้ยงภายในข้อเข่าน้อย ส่งผลให้เกิดการแทกระหว่างผิว ย่อมทำให้เกิดเสียงได้มากขึ้น หรือมีหมอนรองกระดูกฉีกขาดเนื่องจากอุบัติเหตุต่างๆ ก็อาจทำให้เกิดเสียงดังเมื่อมีการขยับข้อเข่าได้เช่นกัน

 

เช็คอาการปวดเข่า เข่ามีเสียง สัญญาณ “ข้อเข่าเสื่อม”

  1. รู้สึกปวดเข่า โดยเฉพาะเวลางอเข่าหรือเมื่ออากาศเย็นๆ
  2. รู้สึกปวดเข่า เวลาขึ้นลงบันได วิ่ง หรือ กระโดด
  3. ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กเวลางอเหยียดเข่า
  4. รู้สึกปวดเข่ามากขึ้นเมื่อนั่งพับเพียบ นั่งยองๆ หรือนั่งในท่าที่เข่างอมากๆ
  5. รู้สึกปวดเข่า และปวดเสียวมากขึ้นเมื่อต้องลงน้ำหนัก หรือยืนด้วยขาข้างเดียว
  6. ไม่ค่อยมีแรง ทรงตัวไม่ค่อยได้ ขาโก่งมากขึ้น

 

สาเหตุหลักที่ทำให้มีอาการปวดเข่า เข่าลั่น เข่ามีเสียง

ปัญหาส่วนใหญ่ล้วนมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยไม่รู้ตัวว่าพฤติกรรมหรือกิจจกรมที่ตนเองกำลังทำอยู่นั้นส่งผลให้เกิดโรคข้อเข่าเสื่อม เช่น

  • อายุ อายุมากมีโอกาสเป็นมากเนื่องจากความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ
  • เพศหญิง จะเป็นโรคเข่าเสื่อมมากกว่าผู้ชาย
  • อ้วน น้ำหนัก ยิ่งน้ำหนักตัวมากข้อเข่าจะเสื่อมเร็ว
  • การนั่งผิดท่าผิดทาง ผู้ที่นั่งยองๆ นั่งขัดขัดสมาธิ หรือนั่งพับเพียบนานๆ จะพบข้อเข่าเสื่อมเร็ว
  • ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุที่ข้อเข่า ไม่ว่าจะกระดูกข้อเข่าแตกหรือเอ็นฉีก จะเกิดข้อเข่าเสื่อมได้
  • ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูกน้อย หากไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ความแข็งแรงทนทานก็ลดน้อยถอยลง และยิ่งร่างกายไม่ได้รับแคลเซียมในปริมาณที่พอเพียงก็ยิ่งส่งผลให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
  • ความบกพร่องของส่วนประกอบของข้อ เช่น ข้อเข่าหลวม กล้ามเนื้อต้นขาอ่อนแรง
  • กรรมพันธุ์ โรคข้อเข่าเสื่อมมีหลักฐานการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์
  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ผสมเป็นจํานวนมาก
  • การออกกำลังกายที่มีการกระแทกข้อซ้ำๆ ต่อเนื่องยาวนาน
  • ใช้ยาสเตียรอยด์ต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ต้นเหตุของอาการปวดเข่า ข้อเข่าเสื่อมโดยธรรมชาติจะพบในวัยสูงอายุ หรืออายุที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมวลกระดูกมีความแข็งแรงลดลง เช่น ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะเริ่มพบปัญหาการสึกกร่อนของกระดูกอ่อนผิวข้อ หรือมีความผิดปกติแต่กําเนิดของข้อสะโพกหรือข้อเข่า อีกทั้งยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น การติดเชื้อ การบาดเจ็บหมอนรองข้อเข่าขาด กระดูกสะบ้าเอียงมากกว่าปกติเวลางอเข่า ทำให้กระดูกอ่อนตำแหน่งสะบ้าเข่าเคลื่อนที่เสียดสีมากกว่าปกติจนเกิดการอักเสบ เป็นต้น

 

แนวทางการดูแลรักษา

ลดอาการปวดด้วยวิธีต่างๆ รวมทั้งแนะนำให้ผู้ป่วยทราบถึงการใช้เข่าที่ถูกต้องลดอาการปวด และเกร็งของกล้ามเนื้อรอบเข่า โดยใช้ความร้อนประคบ

  1. บริหารกล้ามเนื้อรอบเข่าให้แข็งแรงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยลดแรงกระทำต่อข้อเข่า
  2. ใช้สนับเข่าในรายที่เข่าเสียความมั่นคง สนับเข่าจะช่วยให้ข้อเข่ากระชับ ลดอาการปวด แต่หากใช้เป็นเวลานานจะพบว่ากล้ามเนื้อรอบเข่าลีบจากการไม่ได้ใช้งาน จึงควรมีการบริหารข้อเข่าร่วมด้วยอย่างสม่ำเสมอ
  3. อริยาบทต่างๆ ที่ไม่เหมาะสมจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความเสื่อมของข้อเข่าเร็วขึ้น ได้แก่ การนั่งพับเพียบ คุกเข่า ขัดสมาธิ นั่งยองๆ ควรหลีกเลี่ยงหรือปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการดำเนินชีวิตประจำวัน
    • ท่านั่ง ควรนั่งบนเก้าอี้สูงระดับเข่า เมื่อนั่งห้อยขาแล้วฝ่าเท้าจะวางราบกับพื้นพอดี ไม่ควรนั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ นั่งคุกเข่า นั่งยอง ๆ หรือนั่งราบบนพื้น เพราะจะทำให้ผิวข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
    • นอนบนเตียงที่ความสูงระดับเข่า เมื่อนั่งห้อยขาที่ขอบเตียงแล้วฝ่าเท้าจะแตะพื้นพอดี ไม่ควรนอนราบบนพื้น เพราะต้องงอเข่าเวลาจะนอนหรือจะลุกขึ้น ทำให้ผิวข้อเสียดสีกันมากขึ้น ข้อก็จะเสื่อมเร็วขึ้น
    • การยืน ควรยืนตรง ขากางออกเล็กน้อย ให้น้ำหนักตัวลงบนขาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน ไม่ควรยืนเอียงลงน้ำหนักตัวบนขาข้างใดข้างหนึ่ง เพราะจะทำให้เข่าที่รับน้ำหนักมากกว่าเกิดอาการปวดได้
    • การเดิน ควรเดินบนพื้นราบ ไม่ควรเดินบนพื้นที่ไม่เสมอกัน เช่น บันได ทางลาดเอียงที่ชันมาก หรือทางเดินที่ขรุขระ เพราะทำให้น้ำหนักตัวลงไปที่เข่าเพิ่มมากขึ้น และอาจเกิดอุบัติเหตุหกล้มได้ง่าย ควรใส่รองเท้าส้นเตี้ย (สูงไม่เกิน 1 นิ้ว) หรือไม่มีส้นรองเท้า พื้นรองเท้านุ่มพอสมควร และมีขนาดกระชับพอดี
  4. ไม้เท้าจะช่วยแบ่งเบาแรงที่กระทำต่อข้อเข่าได้ และช่วยเพิ่มความมั่นคงในการยืน เดิน บางรายอาจใช้ร่มโดยใช้จุกยางอุดปลายร่มเพื่อกันลื่น
  5. ลดน้ำหนัก เนื่องจากเวลายืน เดิน เข่าต้องรับน้ำหนัก 3-4 เท่าของน้ำหนักตัว ในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก เข่ายิ่งต้องรับน้ำหนักมากกว่าปกติ การลดน้ำหนักจะช่วยลดแรงกระทำต่อข้อเข่าได้มาก

อย่างไรก็ตาม การบรรเทาอาการที่ดีที่สุดคือ ควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วนมากเกินไป ฝึกวินัยการรับประทานอาหาร ควรรับประทานอาหารให้เพียงพอทุกครั้งในมื้อเช้า ลดปริมาณลงมื้อกลางวัน และมื้อเย็นลดปริมาณให้น้อยที่สุด

 

แก้ไขอาการปวดเข่า เข่ามีเสียงได้อย่างไร?

การรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุ ในกรณีที่เกิดเสียงดังที่เกิดจากข้อเข่าเสื่อม การรักษาในระยะแรกอาจใช้วิธีการบริหารหัวเข่า ถ้าอาการยังไม่มาก อาจเริ่มจากการบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้า และกล้ามเนื้อสะโพก รวมถึงหลีกเลี่ยงการงอเข่ามากๆ เมื่อกล้ามเนื้อทั้ง 2 ส่วนนี้แข็งแรงแล้วจะช่วยทำให้ลูกสะบ้าเอียงน้อยลง ช่วยลดแรงกระแทก นอกจากนี้ควรใช้งานข้อเข่าอย่างถูกวิธี รับประทานยาบำรุงข้อ ใช้ที่พยุงข้อ ฉีดยา ฉีดน้ำเลี้ยงข้อเทียม หรือวิธีการผ่าตัด แต่หากเป็นหมอนรองกระดูกฉีกขาดอาจใช้วิธีบริหารข้อเข่า ฉีดยา หรือถ้าเป็นมากอาจต้องผ่าตัดส่องกล้อง


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...