ไส้ติ่งอักเสบ เป็นอาการที่พบบ่อย และการรักษาจำเป็นต้องจบลงด้วยการผ่าตัด ซึ่งสาเหตุเกิดจากการอุดตันของสิ่งตกค้างบริเวณไส้ติ่ง หรือการอุดตันนั้นเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงบริเวณรอบสะดือลงมาถึงท้องด้านล่างขวา บางรายอาจมีไข้ หรือ คลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วย ซึ่งมักจะพบมากในช่วงอายุ 15-45 ปี
ไส้ติ่งอักเสบหากไม่รักษาอันตรายถึงชีวิต
เมื่อภาวะไส้ติ่งอักเสบหากไม่ได้รับการรักษาจนไส้ติ่งที่อักเสบแตก จะส่งผลให้มีหนองไหลเข้าสู่ช่องท้อง หรือมีการติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดตามมา และอาจทำให้เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ซึ่งการรักษาตามมาตรฐานคือการผ่าตัดเปิดหน้าท้องโดยมีแผลบริเวณท้องน้อยด้านขวา แต่ในปัจจุบันได้มีการผ่าตัดไส้ติ่งผ่านกล้อง ซึ่งมีข้อดี เหมือนการผ่าตัดผ่านกล้องในโรคอื่นๆ
รักษาไส้ติ่งอักเสบด้วยการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Appendectomy)
สำหรับการผ่าตัดผ่านกล้องไส้ติ่งในรายที่สงสัยไส้ติ่งอักเสบมีข้อได้เปรียบทั้งในแง่การวินิจฉัยและการรักษา เมื่อเทียบกับการผ่าตัดแบบเปิด ซึ่งการผ่าตัดผ่านกล้องมีการพัฒนารูปแบบการผ่าตัดเพื่อที่จะลดแผลบริเวณหน้าท้อง โดยเหลือเพียงแผลผ่าตัดแผลเดียว การผ่าตัดต้องขึ้นอยู่กับลักษณะของผู้ป่วย และความความเชี่ยวชาญชองศัลยแพทย์ โดยแพทย์จะผ่าตัดเปิดช่องเล็กๆ บริเวณหน้าท้อง แล้วสอดท่อขนาดเล็กที่เรียกว่า แคนนูล่า (Cannula) เข้าไปตามช่องเพื่อขยายช่องท้องด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากนั้นจะสอดอุปกรณ์ที่เรียกว่า แลพพาโรสโคป (Laparoscope) ซึ่งเป็นท่อบางๆ ที่มีความยาว มีหลอดไฟ และมีกล้องความละเอียดสูงอยู่ที่ปลายท่อ ซึ่งจะคอยส่งสัญญาณภาพให้แพทย์ผ่าตัดพบบริเวณที่เป็นไส้ติ่ง แล้วแพทย์จะใช้อุปกรณ์พิเศษขนาดเล็กสอดเข้าไปในช่องเล็กๆ ที่ผ่าบริเวณหน้าท้อง เพื่อทำการตัดแล้วนำไส้ติ่งออกมา จากนั้นจึงทำความสะอาด เย็บปิด และตกแต่งบาดแผลทั้งหมด อย่างไรก็ตามการผ่าตัดนั้นก็มีทั้งข้อดี และข้อเสีย
ข้อดีและประโยชน์ของการผ่าตัดผ่านกล้อง
- แผลมีขนาดเล็ก ถ้าผ่านสะดือจะไม่เห็นแผลเป็น
- หลังผ่าตัดปวดแผลผ่าตัดน้อย ทำให้ใช้ยาแก้ปวดน้อยลง
- ลดระยะการอยู่โรงพยาบาล
- ลดระยะการพักฟื้นก่อนกลับไปทำงาน
- ลดภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด และลดอัตราการติดเชื้อ
- ลดพังผืด หลังผ่าตัด
- ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่ออื่นๆ โดยตรง
- ลดการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่ออื่นจากการสัมผัสอากาศแห้งเป็นเวลานาน รวมทั้งลดการเสียน้ำ และลดร้อนระหว่างการผ่าตัด โดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็ก
- ศัลยแพทย์สามารถเห็นรอยโรค หรือพยาธิสภาพได้ชัดเจนจากการขยายของเลนส์กล้อง ทำให้การผ่าตัดมีความปลอดภัยและแม่นยำขึ้น
ข้อเสีย และข้อจำกัดของการผ่าตัดผ่านกล้อง
- ต้องอาศัยศัลยแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ
- ในบางกรณีผู้ป่วยไม่สามารถผ่าตัดได้ เช่น ผู้ป่วยที่มีโรคปอด โรคหัวใจ ผู้ป่วยที่อ้วนเกินไป หรือผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดแบบแผลเปิดขนาดใหญ่มาก่อน
การเตรียมผู้ป่วยก่อนการผ่าตัดไส้ติ่ง
เมื่อแพทย์วินิจฉัยแล้ว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ โดยทั่วไปแพทย์จะให้ข้อมูลและทำความเข้าใจกับผู้ป่วยก่อนเสมอว่าจะผ่าตัดอะไร มีแผลบริเวณไหน ขนาดเท่าไหร่ และที่สำคัญไม่ได้สำเร็จทุกราย มีโอกาสเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดแบบเปิดได้เสมอ หากมีพยาธิสภาพอื่นๆ แทรก ที่ไม่สามารถใช้การผ่าตัดผ่านกล้องจัดการได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีรูปร่างอ้วน ผู้ป่วยเพศหญิง
การพักฟื้นและดูแลหลังผ่าตัด
การผ่าตัดผ่านกล้องผู้ป่วยจะสามารถฟื้นตัวได้เร็วกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผลเฉลี่ย 1-2 วัน และผู้ป่วยสามารถเริ่มจิบน้ำ และรับประทานอาหารอ่อนได้ ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว มีภาวะแทรกซ้อนน้อย เจ็บแผลน้อย และสามารถกลับไปดำรงชีวิตได้ตามปกติ ควรรักษาความสะอาดบริเวณแผลผ่าตัดไม่ให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ รับประทานยาตามที่แพทย์กำหนด ไปพบแพทย์ตามนัดหมายเสมอ สำหรับการตัดไหมจะอยู่ในระยะเวลาเมื่อครบ 7 วัน ทั้งนี้แพทย์จะนัดกลับมาดูแล และติดตามผลการรักษา หากรู้สึกเจ็บปวดหรือต้องการความช่วยเหลือ ควรรีบขอความช่วยเหลือจากแพทย์หรือผู้ดูแลทันที