“วัยทอง” ถ้อยคำแสลงใจที่ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากได้ยิน และถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใคร อยากให้ตัวเองมีวัยนี้ในชีวิตด้วย แต่ไม่ว่ายังไงเราก็เลี่ยงวัยทองไม่ได้ ดังนั้นการทำความรู้จักกับวัยทองเอาไว้ เพื่อเตรียมตัวรับมือให้ดี จึงเป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้ช่วงเวลาวัยทองของเรา เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข และมีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ให้ได้มากที่สุดนั่นเอง สำหรับใครที่อยากทราบว่า วัยทองจริงๆ นั้นคืออะไร มีความสำคัญกับชีวิตเรามากแค่ไหน และจะรับมือกับช่วงวัยทองได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบ!
วัยทองคืออะไร? อายุเท่าไรถึงเข้าช่วงวัยทอง?
วัยทอง คือ ช่วงวัยที่ร่างกายคนเรามีภาวะฮอร์โมนเพศลดลง โดยเฉพาะผู้หญิงที่จะลดลงอย่างรวดเร็วมาก จึงทำให้มีอาการแสดงออกของวัยทองที่ค่อนข้างชัดเจนและรุนแรง อาการวัยทองสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งสำหรับผู้หญิงจะเป็นช่วงเวลาหลังจากหมดประจำเดือนไปแล้วประมาณ 1 ปี ถ้านับตามค่าเฉลี่ยอายุแล้วก็จะอยู่ที่ราวๆ อายุ 45-50 ปีเป็นต้นไป
ส่วนในผู้ชาย วัยทองจะเริ่มในช่วงอายุประมาณ 50-55 ปี ที่เริ่มช้ากว่าผู้หญิง ก็เพราะการลดลงของฮอร์โมนเพศในผู้ชายนั้น จะเป็นในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ไม่มีอาการแสดงที่ชัดเจนและรุนแรงเหมือนอย่างวัยทองในผู้หญิงนั่นเอง
อาการแบบไหน? บอกว่าใช่! เข้าสู่ช่วงวัยทอง
อาการแสดงของภาวะวัยทองนั้น เป็นอิทธิพลมาจากการลดลงอย่างรวดเร็วของฮอร์โมนเพศ ซึ่งผู้หญิงจะมีอาการแสดงที่เด่นชัดมากกว่าผู้ชาย โดยอาการที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าวัยทองกำลังมาเยือน จะประกอบไปด้วย
-
- รู้สึกร้อนวูบวาบ อยู่ดีๆ ก็จะร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งตัว ทางการแพทย์จะเรียกอาการนี้ว่า “Vasomotor Symptom” ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นบริเวณกลางหน้าอก กลางหลัง และร้อนขึ้นมายังบริเวณใบหน้า อาจมีอาการเหงื่อออกร่วมด้วย โดยจะมีอาการเพียงสักพักแล้วก็หายไป และจะเป็นได้ทั้งในตอนกลางวันและกลางคืน
-
- ตื่นกลางดึกบ่อยๆ ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกร้อน ทั้งๆ ที่อากาศไม่ร้อน นอนเปิดแอร์ แต่ก็จะรู้สึกร้อน เหงื่อออก ขึ้นมาเฉยๆ ทำให้เกิดปัญหาการนอนไม่หลับ หลับไม่สนิทตลอดคืน ตามมา
-
- อารมณ์แปรปรวนง่ายกว่าปกติ โดยอาจเป็นได้ทั้ง 2 รูปแบบเลยคือ หงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย และซึมเศร้า เหงา เบื่อ รู้สึกชีวิตไม่มีความหมาย ไม่อยากออกไปพบปะพูดคุยกับใคร
-
- อาการอื่นๆ จากผลของการที่ฮอร์โมนเพศลดลง ได้แก่ กระดูบางลง ผิวแห้งง่าย ผมร่วง ช่องคลอดแห้ง ทำให้เวลามีเพศสัมพันธ์แล้วจะรู้สึกเจ็บ หรือบางรายจะมีภาวะช่องคลอดแห้ง จนกระทั่งรู้สึก แสบ คัน ได้
รักษาอย่างไร เมื่อมีอาการวัยทองรุนแรง?
เนื่องจากวัยทองไม่ใช่โรคภัย แต่เป็นช่วงวัยที่ทุกคนต้องเจอ และอาการทั้งหมดเป็นผลมาจากภาวะร่างกายที่ฮอร์โมนเพศลดลง ดังนั้นการรักษาอาการวัยทองจึงเป็นการ “รักษาตามอาการ” โดยหลักๆ จะสามารถแบ่งประเภทของการรักษาออกได้เป็น 2 รูปแบบ คือ “แบบใช้ฮอร์โมนรักษา” และ “แบบไม่ใช้ฮอร์โมนในการรักษา” โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
การรักษาอาการวัยทองโดยไม่ใช้ฮอร์โมน
ในขั้นแรกแพทย์จะใช้ “การพูดคุยแนวจิตบำบัด” เข้าแก้ไขปัญหาให้กับคนไข้ก่อน ในรายที่มีอาการนอนไม่หลับ เพื่อให้คนไข้ได้ระบายความกังวลใจ หรือความเครียดจากภาวะอารมณ์แปรปรวน ภาวะนอนไม่หลับเนื่องจากวัยทอง ซึ่งหากยังไม่ได้ผล ก็จะพิจารณาใช้วิตามิน กรดอะมิโนเข้าช่วย เพื่อเสริมให้ร่างกายสามารถนอนหลับได้ดีขึ้น ใจเย็นขึ้น และไม่หงุดหงิดง่าย ในลำดับต่อมาสำหรับคนไข้ที่มีอาการร้อนวูบวาบ แพทย์จะเลือกพิจารณา “ใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณและมีเลขทะเบียน อย. กำกับอย่างถูกต้อง” ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบได้ และถึงแม้ว่าจะเป็นสมุนไพรก็ต้องเป็นการใช้ตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น เพราะมีผลกระทบต่อตับและระบบร่างกายในส่วนอื่นๆ
นอกจากนั้นแล้วแพทย์ก็จะทำการแนะนำให้คนไข้ “ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม” ควบคู่ไปด้วย เช่นการทำ Sleep Hygiene จัดสภาพแวดล้อมในการนอนให้ดี เตรียมตัวก่อนเข้านอนอย่างน้อย 1 ชั่วโมง ด้วยการงดเล่นโทรศัพท์มือถือ งดทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ไม่ใช่การนอนบนเตียงนอน เป็นต้น เพื่อให้สามารถนอนหลับได้ดีขึ้น
การรักษาอาการวัยทองแบบใช้ฮอร์โมน
โดยทั่วไปแล้วแพทย์มักจะไม่เลือกใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้ฮอร์โมนเป็นลำดับแรก เนื่องจากการใช้ฮอร์โมนที่มากเกินไปอาจเสี่ยงกระตุ้นให้เกิดเนื้องอกหลายๆชนิดในผู้หญิง รวมทั้งเพิ่มโอกาสเสี่ยงทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตันได้ง่ายขึ้นด้วย แต่หากพบว่าคนไข้มีอาการวัยทองรุนแรง และรักษาด้วยวิธีการไม่ใช้ฮอร์โมนแล้วประมาณ 2-3 เดือน แต่ก็ยังไม่ได้ผล แพทย์จึงจะเลือกการใช้ฮอร์โมนเข้าช่วย
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนการใช้ฮอร์โมนก็ต้องทำการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม ตรวจเนื้องอก อัลตร้าซาวด์ตรวจช่องท้อง รังไข่ ดูก่อนเพื่อประเมินโอกาสความเสี่ยงจากการใช้ฮอร์โมน
เตรียมตัวรับมืออย่างไรดี? ก่อนที่วัยทองจะมาเยือน
เนื่องจากช่วงวัยทอง เป็นช่วงวัยที่ฮอร์โมนเพศจะลดลงอย่างมาก ทำให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม ดังนั้น ก่อนที่เราจะเข้าสู่ช่วงวัยทองของชีวิต แนะนำให้หาโอกาสเข้ามาพบแพทย์เพื่อพูดคุย ปรึกษา และทำความเข้าใจก่อนว่า ถ้าเข้าสู่ช่วงวัยทองแล้ว ร่างกายเราจะเป็นอย่างไรบ้าง มีอาการอย่างไรบ้าง และจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร ให้สามารถผ่านช่วงวัยทองไปได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้หญิง ก่อนที่ประจำเดือนจะหมดถาวร หรือในช่วงที่ประจำเดือนมาแบบ 2-3 เดือนครั้ง มาๆ หายๆ ตอนอายุ 40 ปีปลายๆ นั่นก็ถือเป็นสัญญาณเตือนให้เรารับรู้ได้แล้วว่า ในอีกไม่ช้าเราก็จะเดินหน้าเข้าสู่วัยทองอย่างเต็มตัว
ดังนั้นช่วงนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งกับการเข้ามาปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อเตรียมความพร้อม เตรียมความรู้ และเตรียมฟิตร่างกายให้แข็งแรง สมบูรณ์เต็มที่ที่สุด เพราะเมื่อถึงเวลาวัยทองจริงๆ ร่างกายที่ได้รับการเตรียมความพร้อมมาเป็นอย่างดี จะมีความรุนแรงของอาการวัยทองลดลง ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดี และมีความสุขได้มากขึ้น
แม้เราทุกคนจะหลีกเลี่ยงวัยทองไม่ได้ แต่วัยทองก็ไม่ได้จะอยู่กับเราตลอดไป จะกินเวลาเพียงแค่ประมาณ 3-5 ปีเท่านั้น ดังนั้นหากเราสามารถดูแลตัวเองได้ดี ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้วล่ะก็ อาการวัยทองต่างๆ ที่คอยกวนใจเราก็จะค่อยๆหายไป การที่เรามีความรู้เกี่ยวกับเรื่องวัยทองเป็นอย่างดี และเตรียมพร้อมตัวเองได้อย่างดีนั้น ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการวัยทองรุนแรง รวมถึงลดความเสี่ยงโรคแทรกซ้อนได้ด้วย