เมื่อท้อง..ต้องแพ้ด้วยหรือ?

เมื่อท้อง..ต้องแพ้ด้วยหรือ?

แพ้ท้องหรือไม่? แพ้มากไหม? อาเจียนหนักหรือเปล่า รับประทานอาหารได้บ้างไหม? อยากรับประทานอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ ? คำถามที่สตรีเริ่มตั้งครรภ์มักได้ยินบ่อยๆ จากบุคคลรอบข้างและมักทำให้ว่าที่คุณแม่แอบเก็บมาถามตัวเองด้วยว่า..ฉันต้องแพ้ท้อง และอาเจียนด้วยหรือ?

 

 

เหตุใดจึงมีอาการแพ้ท้อง

อาการแพ้ท้องของสตรีที่เริ่มตั้งครรภ์ ยังไม่สามารถสรุปที่มาได้อย่างชัดเจน ซึ่งอาการแพ้ท้องเป็นลักษณะอาการที่คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย ฮอร์โมนในการตั้งครรภ์ และสภาวะด้านจิตใจของคุณแม่ที่มีความวิตกกังวล ความเครียด ความรู้สึกต่างๆ เหล่านี้ สามารถส่งผลให้เกิดอาการแพ้ท้อง บางรายที่มีความวิตกกังวลมากมักมีอาการแพ้ท้องมากขึ้น

 

 

ในทางกลับกันถ้าตั้งครรภ์แล้วไม่แพ้ ย่อมเป็นสิ่งที่ดีและไม่ได้มีความผิดปกติ อีกทั้ง ยังอาจมีผลมาจากจิตใจที่มั่นคง ไม่วิตกกังวล หรือมีความเครียดของคุณแม่เองด้วยจึงไม่เกิดการแพ้

 

 

ลักษณะการแพ้ท้องที่พบบ่อย

  • มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ง่วงนอนตลอดเวลา
  • ไม่อยากอาหาร รู้สึกขมในปาก
  • รู้สึกไวต่อกลิ่น เหม็นบางสิ่ง หรือรู้สึกหอมกับบางสิ่งได้ไว

 

อาการแพ้ท้องเช่นไรจึงเรียกว่าแพ้มาก หรือควรต้องพบสูตินรีแพทย์

  • กรณีที่แพ้ไม่มาก แก้ไขด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทาน โดยรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง เลี่ยงของทอด ของมัน ของที่มีกลิ่นแรงๆ เน้นอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการครบ 5หมู่ แบ่งการรับประทานอาหารเป็นมื้อย่อย และรับประทานในปริมาณครั้งละน้อยๆ จำนวนมื้อที่บ่อยขึ้น เพื่อให้ร่างกายได้รับอาหารอย่างพอเพียง สามารถจิบน้ำขิงอุ่นๆ หรือน้ำผลไม้คั้นสดร่วมด้วย
  • กรณีที่แพ้มาก ก่อนอื่นต้องบอกว่าระดับการแพ้ท้องไม่มีเกณฑ์วัดที่ชัดเจน เป็นการพิจารณาจากอาการและสภาพร่างกายของคุณแม่เป็นหลัก ซึ่งแต่ละท่านจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ซึ่งสูตินรีแพทย์จะเป็นผู้ประเมินอาการ ส่วนใหญ่กรณีที่มีอาการแพ้ท้องมากจนกระทั่งไม่สามารถรับประทานอาหารได้ อาเจียนตลอดเวลา เพียงเท่านี้ก็เป็นสัญญาณที่จะบอกได้ว่า คุณพ่อควรพาคุณแม่ไปพบสูตินรีแพทย์ที่ฝากครรภ์ได้แล้ว ในเบื้องต้นคุณแม่อาจได้รับยาแก้แพ้ช่วยบรรเทาอาการอาเจียน ยาช่วยย่อย ยาขับลม แต่สำหรับกรณีที่มีอาการแพ้ท้องรุนแรงอาเจียนมาก รับประทานอาหารไม่ได้ ร่างกายจะขาดอาหาร อ่อนเพลีย พักผ่อนได้น้อย ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ คุณแม่จึงอาจต้องนอนพักเพื่อให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาล เป็นการป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำ และเพื่อตรวจพิจารณาการแพ้ท้องที่เป็นมากเพิ่มเติมอย่างละเอียด

 

รู้สึกมีความสุขกับการตั้งครรภ์ แต่ต้องทรมานจากการแพ้ท้องอีกนานเท่าไหร่?

การแพ้ท้องโดยส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนแรก หรือไตรมาสที่ 1 ของการตั้งครรภ์ และอาการแพ้จะลดลง หรือหมดไปสำหรับบางท่าน แต่ในบางรายอาจมีอาการแพ้ไปจนถึงวันคลอด

 

 

จิตใจสบาย เชื่อมต่อการแพ้

สิ่งที่ควรให้ความสนใจจึงไม่ใช่พุ่งเป้าไปว่าท้องแล้วจะแพ้หรือไม่ แต่ควรทำจิตใจให้สบาย ไม่คิดกังวล หรือเครียดกับเรื่องของลูกน้อยในครรภ์ และเรื่องชีวิตประจำวันในด้านต่างๆ เพราะคาดว่าจิตใจมีส่วนสำคัญประการหนึ่งที่เชื่อมโยงกับการแพ้ท้อง การเริ่มต้นตั้งครรภ์ที่ดีคุณแม่ควรให้ความสนใจการฝากครรภ์ทันทีเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์ ให้ความสำคัญกับโภชนาการอาหารที่จะรับประทานในแต่ละวัน ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ อย่างเพียงพอ ไม่ปล่อยให้ท้องว่าง เพราะจะรู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนได้ง่าย นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และคุณลูกในครรภ์ หากคุณแม่ท่านใดต้องเผชิญกับอาการแพ้ท้อง ขอให้มองในมุมบวกว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ คุณแม่หลายๆ ท่านก็ต้องเผชิญอาการเหล่านี้ ขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ หรือไปพบแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการแพ้ที่มากผิดปกติ เพียงเท่านี้การตั้งครรภ์ของคุณก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของสองสายใยที่ผูกพันรวมกันเป็นหนึ่งเดียวในทุกๆ วัน

 

 

3 เทคนิคช่วยลดอาการแพ้ท้อง

  1. กินน้อยแต่บ่อย หากคุณแม่รู้สึกเหม็นอาหาร หรือรับประทานไม่ได้ แนะนำให้รับประทานอาหารน้อยๆ แต่บ่อยๆ แทนการฝืนรับประทานครั้งละมากๆ
  2. ลดอุณหภูมิอาหาร เปลี่ยนจากเดิมที่รับประทานอาหารแบบเสิร์ฟร้อนๆ มาเป็นรอให้อุณหภูมิอาหารเย็นลงก่อน เพราะเมื่ออาหารมีความร้อนมาก กลิ่นของอาหารจะโชยมากขึ้นตามมา ซึ่งค่อนข้างรุ่นแรงสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
  3. เปลี่ยนเมนูอาหารบ้าง จากเดิมที่รับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก คุณแม่ตั้งครรภ์บางรายแพ้กลิ่นข้าวก็อาจจะเปลี่ยนมาทานขนมปัง เผือก มัน หรือข้าวโพดแทนก็ได้เช่นกัน

 

เมนูที่แนะนำสำหรับคนที่แพ้ท้องอีกอย่าง คือน้ำขิง แต่ต้องเป็นน้ำขิงที่มีปริมาณขิงน้อยๆ ไม่ต้องให้เผ็ด หรือร้อนเกินไปเพราะจะมีผลต่อครรภ์ แนะนำหากเป็นน้ำขิงซอง ผสมกับน้ำแอปเปิ้ลที่มีความเปรี้ยว ความหวาน จะช่วยลดความเผ็ดร้อนของน้ำขิง ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...