มะเร็งช่องปาก ลุกลามได้หากละเลย

พญาไท พหลโยธิน

2 นาที

อ. 28/05/2024

แชร์


Loading...
มะเร็งช่องปาก ลุกลามได้หากละเลย

เพราะเหตุนี้ที่ทำให้เป็น มะเร็งช่องปาก

มะเร็งช่องปาก มักจะเกิดกับกลุ่มคนอายุ 40 ปี ขึ้นไปที่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือคนที่อยู่ทางแถบภาคอีสานที่ยังมีการเคี้ยวหมากอยู่ การเคี้ยวหมากก็จะเป็นปัจจัยเสี่ยงด้วยเหมือนกันนอกจากนี้ ทพ.ดุลยพงษ์ ยังกล่าวถึงงานวิจัยใหม่ๆ ในปัจจุบันว่า การติดเชื้อไวรัสก่อมะเร็งอย่าง Human papillomavirus (HPV) ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ก็เป็นอีกสาเหตุของปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็งช่องปากเช่นกันซึ่งการติดเชื้อ HPV ในช่องปากนั้นมีความสัมพันธ์กับการมีเพศสัมพันธ์โดยใช้ปาก (Oral sex)

 

อาการแสดงของมะเร็งช่องปาก คือการมีแผลเรื้อรัง หรือมีก้อนนูนในช่องปากเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ เช่นเดียวกับการเกิดรอยขาว และรอยแดงในช่องปาก พร้อมกันนี้ยังได้เสริมถึงลักษณะอาการของโรคมะเร็งช่องปากว่า แผล หรือก้อน ดังกล่าวนี้ สามารถเกิดได้ทุกจุด แต่จุดที่พบบ่อยคือลิ้น ช่วงข้างลิ้น กับใต้ลิ้นที่จะเจอบ่อยที่สุด ซึ่งต่างกับแผลร้อนในตรงที่แผลจากมะเร็งในช่องปากนี้จะไม่หาย เป็นนานเกิน 2 สัปดาห์ ส่วนลักษณะของแผลก็จะมีทั้งแบบที่ขอบยกนูน ขอบแข็ง บางคนอาจไม่มีอาการเจ็บเลยก็ได้ แต่แค่เห็นว่าเป็นรอยแผล ซึ่งก็เคยมีเคสที่เป็นแผลมานานแล้ว แต่เจ้าตัวไม่เมาพบหมอ มาพบอีกที สุดท้ายตรวจพบว่า เป็นมะเร็งในช่องปาก

 

มะเร็งช่องปากเป็นมากในผู้สูงวัย เพราะอะไรกันนะ ?

เป็นเรื่องปกติผู้สูงวัยที่มักจะมีปัญหาเรื่องสุขภาพช่องปาก หากเป็นเรื่องฟันก็พบปัญหาฟันสึก ฟันแตก ฟันผุง่าย เรื่องเหงือกก็จะพบโรคปริทันต์ หรือรำมะนาด ส่วนในเรื่องของช่องปากอื่นๆ ก็จะพบว่ามีอาการปากแห้ง การรับรสที่เปลี่ยนไป หรือบางรายพบว่ามีอาการแสบในช่องปากได้ง่าย เช่นเดียวกับกลุ่มรอยโรคก่อนมะเร็ง หรือรอยโรคมะเร็งช่องปากที่สามารถพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ นั่นเป็นผลจากการที่ผู้สูงอายุมีความเสื่อมถอยของอวัยวะในช่องปาก ทั้งฟัน เหงือก และเนื้อเยื่ออ่อน ร่วมกับโรคในระบบต่างๆ หรือยาหลายๆ ชนิดก็ส่งผลต่อสุขภาวะในช่องปาก ทำให้มีอาการปากแห้ง และแสบในช่องปากได้ นอกจากนี้การสะสมของสารก่อมะเร็งจากบุหรี่ หมาก หรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มาเป็นเวลายาวนานก็มักจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อในช่องปาก เกิดเป็นรอยโรคก่อนมะเร็ง หรือมะเร็งช่องปากในกลุ่มผู้สูงอายุได้เช่นกัน

 

ตรวจคัดกรอง… ทางป้องกันก่อนจะสาย

สำหรับผู้ที่เข้าข่ายกลุ่มเสี่ยง คุณหมอแนะนำว่าต้องตรวจคัดกรองมะเร็งในช่องปาก ซึ่งทำได้โดยการตรวจเนื้อเยื่ออ่อนทั่วไปได้ “ผู้ป่วยส่วนหนึ่งที่มีแผลในช่องปาก อาจจะไม่รู้ว่าจะต้องตรวจหรือไม่ อย่างไร การตรวจคัดกรองด้วยเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากโดยทันตแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญ จึงเป็นทางเลือกให้ผู้ป่วยได้ เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่มีอาการ แต่มีความกังวลก็สามารถมาตรวจได้เช่นกัน เพราะการตรวจเนื้อเยื่ออ่อนเป็นการตรวจเพื่อจะดูว่ามีมะเร็งในช่องปาก หรือรอยโรคก่อมะเร็งหรือไม่ หากว่ามีรอยโรค ก็จะข้ามไปอีกสเต็ปหนึ่งที่ต้องมีการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจอย่างละเอียด ส่วนในแง่ของคนที่ไม่มีรอยโรคเลย แต่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือ เคี้ยวหมาก รวมไปถึงการตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV ในช่องปาก กลุ่มคนที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ต้องมีการตรวจติดตาม เพื่อเฝ้าระวังการเกิดมะเร็งช่องปากให้ผู้ป่วย จากประสบการณ์ของหมอที่เคยเจอเคสมีแผลมาเป็นปี แต่เจ้าตัวคิดว่าไม่เป็นอะไรเพราะไม่มีอาการ จนมาเจอหมอถึงได้ตรวจพบมะเร็งในช่องปาก เพราะฉะนั้นจึงเป็นการ Raise Awareness ให้ผู้ป่วยเห็นว่าถ้ามีแผล หรือรอยขาว รอยแดงลักษณะแปลกๆ ในช่องปากก็ควรเข้ามาตรวจ แค่การตรวจดูเนื้อเยื่ออ่อนโดยทันตแพทย์เฉพาะทางสามารถดูจากลักษณะด้วยตาได้เลย พอที่จะวินิจฉัยแยกโรค และวางแนวทางการรักษาได้คร่าวๆ ว่าต้องรักษาอย่างไร หรือต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจสอบหรือไม่

 

การรักษาที่แตกต่างตามระยะของมะเร็ง

ก่อนที่จะเป็นมะเร็งช่องปาก มักมีลักษณะในช่องปากที่เป็นสัญญาณ สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะก่อนมะเร็ง แต่รอยโรคเหล่านี้มักไม่มีอาการ ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เข้าใจว่าไม่เป็นอะไร พอมาพบหมอเพื่อตรวจก็มักจะมีอาการมากแล้ว คุณหมอได้บอกว่านั่นเป็นที่มาของการรักษาที่ยากลำบากสำหรับผู้ป่วยส่วนใหญ่ “ปกติผู้ป่วยที่ไม่ค่อยได้สกรีนมา ก็มักจะเป็นระยะท้ายๆ คือ ระยะที่ 3 – 4 แล้ว และมักจะมาพบหมอตอนที่อาการหนัก เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่มีอาการอะไร หรือพอเกิดอาการขึ้นมาก็ต้องรอจนทนไม่ไหวแล้วถึงมาหาหมอ บางคนอาจจะมีอาการเจ็บ มีอาการชา มีเลือดออกผิดปกติ หรือฟันโยกผิดปกติ แต่บางคนก็อาจจะไม่มีอาการ ซึ่งพอมาทำการรักษาในระยะที่ 3 – 4 แล้ว ก็จะทำได้ยาก ซับซ้อนกว่า และอัตราการรอดชีวิตก็จะต่ำว่า ดังนั้น ถ้ามีการตรวจคัดกรองแล้วเจอตั้งแต่ระยะแรกๆ หรือระยะก่อนมะเร็ง การรักษาจะไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะถ้าเป็นระยะก่อนมะเร็งอาจจะแค่ตัดออก แล้วคอยติดตามอาการต่อเนื่องเท่านั้น แต่ถ้าเป็นมะเร็งแล้ว ก็จะขึ้นอยู่กับระยะถ้าเป็นในระยะแรกๆ ไม่ได้ลามไปต่อมน้ำเหลืองหรือจุดอื่น มีขนาดเล็กอยู่ ผลสำเร็จของการรักษาก็จะค่อนข้างสูง แต่พอไประยะหลังๆ หรือมะเร็งมีขนาดใหญ่ รวมถึงมะเร็งได้ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลือง หรือมีการแพร่ไปอวัยวะอื่น ลักษณะนี้จะถือว่าอันตรายแล้ว เพราะคุณสมบัติของมะเร็งทั่วไปไม่ว่าจะเกิดตรงไหน ก็สามารถลามไปยังส่วนอื่นได้ โดยเฉพาะถ้ามีการลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง มะเร็งก็จะแพร่ไปตามต่อมน้ำเหลือง และไปยังอวัยวะอื่นๆ ได้ในที่สุด”

 

ลดปัญหาที่ตามมา ด้วยการเคลียร์ช่องปากก่อนฉายรังสี

การฉายรังสี เป็นหนึ่งในวิธีรักษามะเร็งหลายๆ ชนิดในร่างกาย รวมถึงมะเร็งในช่องปาก ศีรษะ และลำคอ ก่อนจะไปถึงการรักษาด้วยการฉายรังสีในบริเวณช่องปาก ศีรษะ และลำคอ คุณหมอก็ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้ป่วยควรจะต้องทำการเคลียร์ช่องปากก่อน เพื่อลดปัญหาที่เป็นผลข้างเคียงของการฉายแสงในบริเวณนี้ “การเคลียร์ช่องปากก่อนการฉายรังสีถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะรายที่ต้องฉายรังสีบริเวณช่องปาก ศีรษะ และลำคอ เพราะมีผลกระทบกับต่อมน้ำลาย ทำให้ปากแห้ง ซึ่งเป็นเหตุให้ฟันผุได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นรังสีก็จะส่งผลกระทบไปยังกระดูกด้วยในกรณีที่ได้รับการฉายรังสีบริเวณใบหน้า ช่วงขากรรไกร ถ้าต้องได้รับการถอนฟันในภายหลังจากการฉายรังสี กระดูกอาจจะไม่หาย หรือไม่ปิดกลับไปเป็นปกติ กลายเป็นกระดูกตาย คือกระดูกโผล่ออกมาไปเรื่อยๆ บางรายอาจจะต้องมีการตัดกระดูกออก อาจมีการติดเชื้อ หรือมีปัญหาอื่นๆ ตามมา นำไปสู่การรักษาต่ออีกมาก ในรายที่กระดูกตายกินบริเวณกว้างในขากรรไกรค่อนข้างเยอะ อาจต้องทำการตัดออกทั้งหมด ดังนั้น ปกติหมอก็จะให้ผู้ป่วยเคลียร์ช่องปากก่อนเป็นการดีที่สุดในเคสที่ต้องฉายแสง ต้องให้ทันตแพทย์ช่วยประเมินว่าว่าควรเก็บฟันซี่ไหนไว้ ซี่ไหนที่ไม่ควรเก็บก็ต้องถอนออกก่อนที่จะฉายรังสี เพราะสุดท้ายถ้าหากว่าฟันที่เก็บไว้เป็นฟันซี่ไม่ดี แล้วต้องมาถอนฟันหลังจากที่ฉายรังสีไปแล้วก็จะนำไปสู่เรื่องใหญ่ได้ หรือทำให้กระดูกตายได้”


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...