ผู้หญิงหลายคนอาจรู้สึกกังวลหรือกลัวการตรวจภายใน มีความเขินอาย ไม่สบายใจ ไม่กล้าเข้าไปตรวจ จนทำให้หลีกเลี่ยงการตรวจและเสี่ยงต่อการพบความผิดปกติในระยะที่สายเกินไป เนื่องจากอวัยวะสืบพันธุ์เพศหญิงหลายส่วนเป็นอวัยวะที่อยู่ภายในจึงไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า การตรวจภายในเป็นประจำทุกปีจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเพศหญิง เพื่อช่วยคัดกรองความเสี่ยงโรคและตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นได้ เพื่อการรักษาอย่างทันท่วงที
ใครบ้างที่ควรตรวจภายใน ?
- ผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไป ควรเริ่มตรวจเป็นประจำทุกปี
- ผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วทุกวัย เพื่อคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
- ผู้ที่มีอาการผิดปกติเกี่ยวกับประจำเดือน เช่น ปวดท้องประจำเดือนรุนแรง ประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างเมื่อเข้ารับการตรวจ ?
- ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศตามปกติ แต่ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด
- สามารถตรวจได้หลังจากหมดรอบประจำเดือน
- ปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนตรวจเพื่อที่จะไม่รู้สึกปวดปัสสาวะขณะตรวจภายใน
- หากไม่เคยเข้ารับการตรวจและรู้สึกเขินอาย สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อขอตรวจกับสูตินรีแพทย์ผู้หญิงได้
ตรวจภายในจะรู้สึกเจ็บไหม ?
การตรวจภายในใช้เวลาไม่นาน โดยสูตินรีแพทย์จะเลือกเครื่องมือการตรวจที่เหมาะสมกับร่างกายของผู้เข้าตรวจแต่ละราย
ผู้ที่เข้ารับการตรวจภายในอาจจะรู้สึกตึงๆ เล็กน้อย
แต่จะไม่รู้สึกเจ็บในขณะที่ใช้เครื่องมือตรวจ
การตรวจภายในมีวิธีการตรวจแบบไหนบ้าง ?
การตรวจจากภายนอก แพทย์จะสังเกตว่ามีลักษณะอะไรที่ผิดปกติหรือไม่
- การตรวจด้วยเครื่องมือสเปคูลัม (Speculum) หรือที่รู้กันในชื่อปากเป็ด เป็นเครื่องมือที่ใช้เปิดช่องคลอด ให้แพทย์สามารถตรวจช่องคลอดและปากมดลูกได้ชัดเจน ดูว่ามีตกขาวที่ผิดปกติหรือไม่ ในขั้นตอนนี้แพทย์จะนำอุปกรณ์เข้าไปเก็บเซลล์ปากมดลูกเพื่อนำไปวิเคราะห์ในห้องแล็บต่อไป
- การตรวจด้วยมือ (Manual Examination) สูตินรีแพทย์จะใช้นิ้วมือที่สวมถุงมือ สอดเข้าไปตรวจภายในเพื่อคลำขนาดมดลูกและรังไข่ หรือมีกดเจ็บบริเวณอุ้งเชิงกรานหรือไม่
- การตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ในกรณีที่แพทย์สงสัยและต้องการการตรวจที่ละเอียดขึ้น แพทย์อาจใช้เครื่องอัลตราซาวด์ช่วยในการตรวจเพื่อดูภาพของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน
การตรวจภายในเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ผู้หญิงทุกคนสามารถดูแลสุขภาพของตัวเองได้ดีขึ้น การเข้ามาตรวจกับสูตินรีแพทย์ โดยตรวจภายในเป็นประจำทุกปีจะช่วยป้องกันและรักษาโรคต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าจะเป็นการอักเสบติดเชื้อ เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เนื้องอก ถุงน้ำ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก และโรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ต้องกลัวหรือรู้สึกเขินอาย เพราะการดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรงคือสิ่งที่สำคัญที่สุด