ผิวหน้าสดใส ริ้วรอยจางหาย ด้วยพลาสมาเกล็ดเลือด PRP

พญาไท 2

2 นาที

พฤ. 13/07/2023

แชร์


Loading...
ผิวหน้าสดใส ริ้วรอยจางหาย ด้วยพลาสมาเกล็ดเลือด PRP

ความหมองคล้ำบนใบ รอยคล้ำใต้ตา รอยยับที่หางตา กระทั่งจุดด่างดำบนใบหน้า รวมถึงความหย่อนคล้อยที่เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เราต้องเผชิญกับฝุ่นควัน มลพิษ การถูกแสงแดดและรังสีอัลตราไวโอเลต การออกกำลังกายและการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ อีกทั้งความเครียดจากการทำงานก็ส่งผลให้ร่างกายอ่อนล้า ซึ่งไม่ว่าจะด้วยไลฟ์สไตล์ที่ไม่เฮลธ์ตี้หรืออายุที่มากขึ้น ย่อมทำให้การผลิต “โกรทแฟคเตอร์” (Growth Factor) อันเป็นตัวกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่เพื่อทนแทนเซลล์เก่านั้นมีปริมาณที่น้อยลงจนไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซม 

โกรทแฟคเตอร์ Growth Factor สำคัญอย่างไร?

โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) ในความหมายอย่างตรงไปตรงมาจะหมายถึง “ปัจจัยการเติบโต” เหตุที่กล่าวเช่นนี้ก็เป็นเพราะ ‘โกรทแฟคเตอร์’ เป็นสารในกลุ่มโปรตีนที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อทำหน้าที่กระตุ้นและควบคุมการทำงานของเซลล์ โดยเฉพาะการแบ่งตัวของเซลล์เพื่อให้ร่างกายเจริญเติบโตจากวัยเด็กมาเป็นหนุ่มสาวได้อย่างสมดุลตามธรรมชาติ และในหน้าที่เดียวกันนี้ก็จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่เพื่อซ่อมแซ่มเซลล์ในส่วนที่สึกหรอ ซึ่งจะดำเนินไปตลอดชีวิต

ทั้งนี้ ปัญหาความหมองคล้ำและปัญหาอื่นๆ ของผิวหน้า ส่วนหนึ่งก็มีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายผลิตโกรทแฟคเตอร์ได้น้อยลง จนไม่เพียงพอต่อการซ่อมแซ่มเซลล์ผิว สุดท้ายจึงกลายเป็นปัญหาสะสม โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป โดยยิ่งอายุมากขึ้นปัญหาก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น

ผิวหน้าสดใสขึ้นได้ด้วยโกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor)

ด้วยความรู้เกี่ยวกับโกรทแฟคเตอร์ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาเพื่อนำมาใช้ในการแก้ปัญหาผิวหน้า ซึ่งแพทย์สามารถใช้โกรทแฟคเตอร์ฉีดเข้าไปยังจุดที่มีปัญหาได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการแก้ปัญหาผิว โดยโกรทแฟคเตอร์จะเข้าไปซ่อมแซมผิวหน้าด้วยการกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ใหม่ซ่อมแซมเซลล์ผิวที่มีปัญหา ทำให้ผิวกลับมาอุ้มน้ำได้ดีขึ้น จึงลดร่องรอยลึกให้ดูตื้นขึ้นจนรู้สึกได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิว ปรับสภาพผิวที่เป็นแผลหรือพังผืดจากหลุมสิว รวมถึงแผลเป็นให้ดูดีขึ้น พร้อมกันนั้นก็เข้าไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นการช่วยฟื้นฟูผิวหน้าที่เสื่อมสภาพตามวัยให้กลับมาเอิบอิ่ม ทำให้รูปหน้าดูกระชับ ลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ เหมือนได้ย้อนวัยไปในคราวเดียวกัน 

ซึ่งการรักษาผิวหน้าในลักษณะเช่นนี้ ได้รับการพัฒนาให้มีการสกัดโกรทแฟคเตอร์จากเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง โดยอยู่ในรูปของ PRP (Platelet Rich Plasma) หรือเกล็ดเลือดที่มีความเข้มข้นสูง ทำให้ผลการรักษาอยู่ในระดับที่ดีขึ้นและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นด้วย 

PRP เทคโนโลยีปลอดภัยจากเลือดของเราเอง

PRP (Platelet Rich Plasma) คือ พลาสมาที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือด ซึ่งได้จากการนำเลือดเพียงเล็กน้อยหรือเทียบเท่ากับการเจาะเลือดเพื่อตรวจสุขภาพประจำปีของผู้เข้ารับการรักษา มาผ่านกระบวนการปั่นแยกและนำเฉพาะพลาสมาที่มีเกล็ดเลือดและโกรทแฟคเตอร์เข้มข้น มาฉีดกลับเข้าสู่ผิวของผู้เข้ารับการรักษา ซึ่งทุกกระบวนการจะควบคุมดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ จึงมั่นใจได้ถึงคุณภาพและความปลอดภัย

ข้อจำกัดในการฉีด PRP

แม้ PRP จะเป็นสารสกัดเข้มข้นที่ได้จากเลือดของผู้เข้ารับการรักษาเอง ซึ่งมีความปลอดภัยและโอกาสที่จะเกิดการแพ้จากการรักษานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้ ทั้งยังสามารถแก้ไขได้ในหลากหลายปัญหาผิวหน้าดังที่กล่าวมา แต่เพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เลือดที่นำมาสกัดแยกเป็น PRP จะต้องเป็นเลือดที่อยู่ในช่วงเวลาที่ผู้เข้ารับการรักษาไม่มีปัญหาเหล่านี้ 

  • เป็นผู้ป่วยโรคโลหิตจาง หรือมีภาวะเกล็ดเลือดต่ำรุนแรง  
  • มีภาวะการติดเชื้อในกระแสเลือด หรือติดเชื้อในบริเวณที่ทำการรักษา
  • มีการใช้ยากลุ่มแอสไพริน หรือยากลุ่มละลายลิ่มเลือด อย่าง NSAID ภายใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมาก่อนการเก็บเลือด 
  • ผู้ที่อยู่ในช่วงที่ต้องรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือสลายลิ่มเลือด
  • ผู้ที่มีกำลังป่วย มีไข้ หรือเพิ่งหายจากการเจ็บป่วย
  • ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดและมะเร็งกระดูก
  • หญิงที่กำลังตั้งครรภ์

นอกจากนี้การทำ PRP ไม่ควรทำพร้อมกันกับการทำ Botox หรือการฉีด Filler โดยควรเว้นระยะห่างกันสำหรับการทำ Botox ประมาณ 1 สัปดาห์ และถ้าเป็นการฉีด filler ควรมีระยะห่างอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ โดยอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีด PRP และดูแลตัวเองอีกนิดหลังฉีด

การเตรียมตัวก่อนฉีด PRP และการปฏิบัติตัวหลังรับการรักษาตามคำแนะนำของแพทย์ จะช่วยให้การรักษาได้ผลดียิ่งขึ้น โดยการเตรียมตัวนั้นจะอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนวันนัดทำการรักษา เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงอย่างเต็มที่ โดยควรปฏิบัติ ดังนี้

  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8 ชั่วโมง
  • หยุดใช้ยา อาหารเสริม หรือเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของ Retinol และ AHA (Alpha hydroxyl acid) ก่อนทำการรักษาอย่างน้อย 1 สัปดาห์
  • งดใช้ยากลุ่มแอสไพริน หรือยากลุ่มละลายลิ่มเลือด NSAID อย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนทำการรักษา
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ทุกชนิดอย่างน้อย 2-3 วัน ก่อนเข้ารับบริการ
  • งดหรือลดปริมาณอาหารที่มีไขมันสูง
  • งดการแต่งหน้าในวันที่เข้ารับการรักษา
  • เช้าวันนัดหมายควรดื่มน้ำสะอาดประมาณ 1.5-2 ลิตร เพื่อให้เลือดไม่หนืดข้นจนเกินไป
  • เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ เพื่อตรวจสภาพผิวหน้า ซักประวัติเบื้องต้นว่าเหมาะสมกับการทำ PRP หรือไม่?

หลังการฉีด PRP ควรดูแลตนเองอย่างไร? 

ขั้นตอนการรักษาผิวหน้าด้วย PRP ไม่มีความซับซ้อนเหมือนการผ่าตัด จึงไม่เกิดรอยแผลใดๆ ผู้เข้ารับการรักษาสามารถกลับมาทำซ้ำได้อีกหลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีข้อควรปฏิบัติหลังการรักษาในช่วงแรก เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงหรืออาการแทรกซ้อนตามมา เช่น

  • 24 ชั่วโมงแรกหลังการรักษาควรงดล้างหน้า หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน เครื่องดื่มร้อน และอาหารรสจัด เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการช้ำและบวมมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายหนักๆ เป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • ไม่ถู แกะ เกา และไม่ควรประคบเย็นในบริเวณที่ทำการรักษา
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดแก้อักเสบในกลุ่มแอสไพริน (Aspirin) หรือในกลุ่ม Nurofen เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นตัวยาที่มีผลต่อเกล็ดเลือด อาจทำให้อาการฟกช้ำรุนแรงขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารเสริม เช่น วิตามินรวม น้ำมันปลา (Glucosamine) วิตามินบีและอี เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เนื่องจากเป็นสารที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด อาจทำให้อาการฟกช้ำรุนแรงขึ้น
  • งดกิจกรรมกลางแจ้งที่ต้องเจอแสงแดดหรือการอาบแดดอย่างน้อย 72 ชั่วโมง
  • หากไม่มีอาการอักเสบอื่นๆ สามารถแต่งหน้าได้หลังทำการรักษาแล้ว 24 ชั่วโมง

 

PRP เป็นเทคโนโลยีในการรักษาผิวหน้าที่ไม่ซับซ้อน ใช้เวลาสั้น และการเตรียมตัวก็ไม่ยุ่งยาก หลังจากทำแล้ว 2-3 วัน ผิวหน้าจะกลับสดใสและดูดีขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งยังสามารถกลับมาทำซ้ำได้อีกเรื่อยๆ เรียกได้ว่าเทคโนโลยี PRP ทำให้เรา “ลืมความหมองคล้ำ ทิ้งวันโทรมๆ กลับมามั่นใจได้อย่างที่ต้องการ” ได้ทุกเมื่อ


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ



Loading...
Loading...