เมื่ออายุมากขึ้นหรือเข้าสู่การเป็นผู้สูงวัย ร่างกายจะสร้างกระดูกใหม่มาทดแทนในส่วนที่สึกหรอได้ไม่ทันและไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูให้ดีดังเดิม เมื่อเป็นเช่นนั้น ร่างกายอาจมีการสร้างแคลเซียมขึ้นมาเพื่อหุ้มกระดูกที่สึกหรอ ซึ่งจะกลายเป็นส่วนเกินของกระดูกในที่สุด
สำหรับกระดูกสันหลังซึ่งเป็นแหล่งรวมเส้นประสาท เมื่อมีแคลเซียมงอกขึ้นมาเกาะ แม้จะมีขนาดเล็กเพียง 1-2 มิลลิเมตร ก็อาจกระทบต่อเส้นประสาท โดยในระยะแรกมักทำให้เส้นประสาทอักเสบจนรู้สึกปวดหรือชาได้
ทั้งนี้ โรคกระดูกงอกเกิดได้กับกระดูกทุกส่วนในร่างกาย แต่จะพบบ่อยบริเวณกระดูกสันหลัง
อาการโรคกระดูกงอกบริเวณกระดูกสันหลัง
- ปวดเมื่อยบริเวณท้ายทอย หรือแนวกระดูกสันหลัง
- เมื่อหันหน้าซ้าย-ขวาจะรู้สึกปวดคล้ายนอนตกหมอน
- ปวดร้าวมาถึงสะบัก ข้อศอก แขน ขา หรือปลายนิ้ว
- ปวดร้าวลงแขน ชาปลายนิ้วจนถึงขั้นอ่อนแรง
ใครก็ตามที่มีอาการดังกล่าว ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยืนยันว่าเป็นโรคกระดูกงอกบริเวณกระดูกสันหลังหรือเป็นโรคอื่นๆ จะได้รักษาให้ถูกโรคและตรงจุดต่อไป
การตรวจวินิจฉัยโรคกระดูกงอกบริเวณกระดูกสันหลัง
เมื่อแพทย์ซักประวัติอาการของผู้ป่วยแล้ว หากสงสัยว่าจะเป็นโรคกระดูกงอกบริเวณกระดูกสันหลัง ก็มีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจด้วยการเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อให้เห็นภาพกระดูกสันหลังอย่างชัดเจน และเห็นการกระจายตัวของแคลเซียมในบริเวณกระดูกสันหลัง การตรวจนี้จะช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
กระดูกงอก…หากไม่ทับเส้นประสาทจะเป็นอันตรายหรือไม่?
ในกรณีที่กระดูกงอกหรือมีแคลเซียมมาเกาะบริเวณกระดูกสันหลังแต่ไม่ทับเส้นประสาท ทั้งยังไม่มีอาการปวดร้าวหรือชาใดๆ เลยแม้จะปล่อยไว้นาน ก็ไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ควรหมั่นสังเกตอาการและติดตามการดำเนินโรคอย่างสม่ำเสมอ
การรักษาโรคกระดูกงอกบริเวณกระดูกสันหลัง
- หากอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาด้วยการกินยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการและระงับการอักเสบ
- ทำกายภาพบำบัดตามคำแนะนำของแพทย์และนักกายภาพบำบัด
- ฉีดยาเพื่อลดการอักเสบ
- หากกระดูกงอกทับเส้นประสาทจนส่งผลเสียต่อร่างกาย มีความเจ็บปวดมาก ชามาก หรือรักษาด้วยยาและทำกายภาพบำบัดแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
เราจะป้องกันการเกิดกระดูกงอกได้อย่างไร?
การป้องกันหรือลดความเสี่ยงการเกิดกระดูกงอก ทำได้ด้วยการกินอาหารที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างกระดูก กล้ามเนื้อและข้อต่างๆ ให้แข็งแรง เช่น อาหารแคลเซียมสูง โปรตีนจากเนื้อสัตว์ และอาหารที่มีไขมันโอเมก้า3 ทั้งยังควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยให้ข้อต่อต่างๆ ยังคงแข็งแรงให้ได้มากที่สุด เมื่อกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อแข็งแรง โอกาสในการเกิดแคลเซียมมาเกาะกระดูกหรือเป็นกระดูกงอกก็จะลดลงได้นั่นเอง