อาการกวนใจคุณแม่มือใหม่

พญาไท พหลโยธิน

1 นาที

ศ. 12/01/2024

แชร์


Loading...
อาการกวนใจคุณแม่มือใหม่

คุณแม่อาจมีอาการต่างๆ เกิดขึ้นในระหว่าง 9 เดือนของการตั้งครรภ์ได้ ตั้งแต่ไม่มีอาการอะไรเลย จนถึงอาเจียนมาก จนต้องเข้ารักษาภายในโรงพยาบาล สังเกตได้จาก

 

 

อาการแพ้ท้อง ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด สันนิษฐานว่า ฮอร์โมนที่สร้างจากรกมีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ใน 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนศีรษะ เพลียมากกว่าปกติ บางท่าน เบื่ออาหาร ท้องอืดง่าย ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 3 เดือนแรก แต่หากอาการรุนแรงมาก ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ทันที เพื่อดูความผิดปกติในการตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์ไข่ปลาอุก ครรภ์แฝด ควรรับประทาน อาหารมื้อละน้อยๆ แต่บ่อยขึ้น เพื่อช่วยให้อาหารย่อยได้ทัน ต้องหลีกเลี่ยงอาหารมัน หรือทอด อาการแพ้ท้องก็จะลดลงได้มาก อาจได้รับยาบรรเทาอาการแพ้ท้อง ในรายที่มีอาการรุนแรง

 

 

ฝ้าที่ใบหน้าและผิวคล้ำลง เกิดจากฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ไปกระตุ้นเซลล์เม็ดสีใต้ผิวหนัง เกิดการรวมตัวมากผิดปกติในบางพื้นที่ของร่างกาย สีของผิวหนังจึงคล้ำบริเวณ ใบหน้า ลำคอ รักแร้ เส้นกลางท้อง ลานนม และหัวนม (จะค่อยๆ จางจนหายไปเอง หลังคลอด 3-6 เดือน) ส่วนหน้าท้องลายนั้นเกิดจาก ผิวหนังบริเวณหน้าท้องมีความยืดหยุ่นน้อย ในช่วงที่มดลูกขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะคนที่ผิวแห้งง่าย จะทำให้เกิดรอยแยกของผิวหนังและเกิดอาการคัน วิธีป้องกัน คือทาครีม โลชั่น หรือน้ำมันมะกอก เพื่อให้ผิวหนังชุ่มชื้นอยู่เสมอ ความยืดหยุ่นของผิวหนังก็จะเพิ่มมากขึ้น อาการท้องลายจะลดน้อยลง หรือไม่มีเลย

 

 

อาการตกขาว ฮอร์โมนจากการตั้งครรภ์จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างมูกในช่องคลอดมากขึ้น ลักษณะเป็นสีขาวขุ่น ไม่มีกลิ่นหรืออาการคัน และมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ จนคลอด ซึ่งถ้าตกขาวเป็นสีเหลือง – เขียว มีกลิ่นเหม็น หรืออาการคัน ควรรีบปรึกษาแพทย์

 

 

อาการปวดหลัง เกิดจากต้องแบกน้ำหนักมดลูก และทารกที่ใหญ่ขึ้น และสาเหตุมาจากการนั่งไม่ถูกสุขลักษณะ สวมรองเท้าส้นสูงเกินไป ยกของหนัก (หรือบางท่านต้องอุ้มเด็ก) ดังนั้น คุณแม่ควรนั่ง และฝึกกายบริหารให้ถูกท่า พักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงสาเหตุที่อาจทำให้ปวดหลังดังกล่าว

 

 

อาการท้องผูก เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกากใย (ไฟเบอร์) น้อย ดื่มน้ำน้อยเกินไป และผลจากฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ซึ่งถูกสร้างเพิ่มมากขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ มีผลให้การบีบตัวของลำไส้ใหญ่ลดลง ร่วมกับขนาดของมดลูกที่ใหญ่ขึ้นไปกดลำไส้ใหญ่ ทำให้อุจจาระแข็ง และถ่ายยาก เป็นสาเหตุของการเกิดริดสีดวงทวารได้ จึงควรดื่มน้ำให้มาก รับประทานผัก และผลไม้เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์

 

 

ตะคริวที่น่อง เกิดจากการใช้กล้ามเนื้อน่องมาก หรือมากเกินไป หรือมีการคั่งของเลือดในบริเวณนั้น ซึ่งเกิดจากการยืนหรือนั่งนานเกินไป ประกอบกับระดับของแคลเซียมในเลือดลดลง เพราะส่วนหนึ่งถูกนำไปใช้ในการสร้างกระดูกของทารก ดังนั้นระหว่างตั้งครรภ์ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมมากขึ้น เช่น นมสด กุ้งฝอย ปลาเล็ก ปลาน้อย นอกจากนี้การพักผ่อนในช่วงกลางวัน และฝึกกายบริหาร นวดน่องบ้างหลังเดินมากๆ ก็จะช่วยได้

 

 

ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย คุณแม่ส่วนใหญ่อาจมีอาการปวดหน่วงท้องน้อย หลังจากเริ่มตั้งครรภ์เดือนเศษๆ ขึ้นไป นานๆ ครั้งต่อวัน (ไม่เกิน 5 ครั้ง ต่อวัน) เกิดจากการเกร็งตัวของมดลูกเล็กน้อยไม่รุนแรง ซึ่งพบได้ในภาวะปกติระหว่างการตั้งครรภ์ หากอาการปวดหน่วงบ่อยๆ มีมากกว่า 10 ครั้ง ในหนึ่งวัน หรือ 2-3 ครั้งต่อชั่วโมงติดต่อกันหลายชั่วโมง อาจเป็นสัญญาณเตือนของการแท้ง หรือคลอดก่อนกำหนดได้ จึงควรรีบปรึกษาแพทย์

 

 

อาการบวมบริเวณขาหรือเท้า โดยทั่วไปช่วง 3-4 เดือนก่อนคลอด บางท่านอาจมีอาการบวมบริเวณขา หรือเท้าเล็กน้อยสังเกตจากการใช้นิ้วมือกดที่หน้าแข้ง หรือหลังเท้า ผิวหนังบริเวณนั้นจะเป็นรอยบุ๋มลงเล็กน้อย แต่ถ้ารอยบุ๋มลึกหรือลึกมาก อาจแสดงถึงภาวะผิดปกติบางอย่างได้ เช่น ครรภ์เป็นพิษ หรือโรคไตบางชนิด ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ทันที ในกรณีที่ขา หรือเท้าบวมเล็กน้อยในช่วงกลางวัน คุณแม่ควรนั่งพักผ่อน เหยียดเท้า และหนุนสูงขึ้นระดับสะโพก กลางคืนก่อนนอนหนุนเท้าให้สูงกว่าระดับแนวราบเล็กน้อย จะทำให้ขา หรือเท้าที่บวมยุบลงได้

 

 


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...