นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ

พญาไท พหลโยธิน

2 นาที

พ. 25/09/2024

แชร์


Loading...
นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ

การดื่มชา กาแฟ จนกลายเป็นนิสัย มีส่วนที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้มากกว่าที่คุณคิด เพราะอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบปัสสาวะ เช่น นิ่ว การมีนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้การทำงานของไตเสื่อมลง และอาจร้ายแรงจนถึงเกิดภาวะไตวายเรื้อรัง และโรคไตระยะสุดท้าย ซึ่งทำให้ถึงแก่ชีวิตได้

 

นิ่วมักเริ่มต้นเกิดในไต และต่อมาเลื่อนตำแหน่งไปยังกรวยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ หากนิ่วมีขนาดเล็กก็จะสามารถหลุดออกเองได้ ในช่วงเวลาที่ผู้ป่วยปัสสาวะ แต่ถ้านิ่วมีขนาดใหญ่ก็จะไปอุดตันตามตำแหน่งต่างๆ สาเหตุของโรคนิ่วเกิดจากหลายปัจจัย อาทิ ทางด้านสิ่งแวดล้อม พันธุกรรม วิถีการดำเนินชีวิต และอุปนิสัยการกินอาหารของตัวผู้ป่วยเอง

 

8 ตัวการร้ายก่อเกิดโรคนิ่ว

  1. กรรมพันธุ์ โรคหลายชนิดที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และมีผลต่อการเกิดนิ่วทางเดินปัสสาวะ
  2. อายุ พบมากในกลุ่มวัยทำงาน อายุ 40 – 60 ปี
  3. เพศ พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง 2-3 เท่า
  4. อาหาร ชนิด และ ปริมาณอาหารมีผลต่อการขับสารบางชนิดออกมาในปัสสาวะ ได้แก่ แคลเซียม ฟอสเฟต ยูเรต ออกซาเลต ในภาวะที่มีปริมาณผิดปกติและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย สารเหล่านี้จะรวมตัวกัน กระทั่งกลายเป็นก้อนผลึกแข็ง เมื่อสะสมนานวันเข้าก็มีขนาดใหญ่ขึ้น และกลายเป็นก้อนนิ่ว ที่เข้าไปอุดตันที่บริเวณต่างๆ ของระบบทางเดินปัสสาวะ
  5. ปริมาณน้ำที่ดื่ม เป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดนิ่ว ทางปัสสาวะ ถ้าดื่มน้ำน้อยกว่า 2 ลิตรต่อวัน โอกาสการนิ่วจะสูงขึ้น
  6. ยาที่รับประทานบางชนิด
  7. ภาวะติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
  8. ความผิดปกติทางกายวิภาคของระบบทางเดินปัสสาวะ

 

อาการของโรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ

ขึ้นอยู่กับขนาดของนิ่ว และตำแหน่งที่นิ่วนั้นอุดอยู่ รวมถึงนิ่วนั้นอุดทางเดินปัสสาวะมากน้อยเพียงใด หากอาการอยู่ในช่วงระยะแรก ร่างกายของเราอาจขับก้อนนิ่วออกมาได้เองทางปัสสาวะ ซึ่งจะพบตะกอนเหมือนก้อนกรวดเล็กๆ ปนออกมาพร้อมกับปัสสาวะ แต่เมื่อใดก็ตามที่ก้อนนิ่วมีขนาดใหญ่ขึ้นก็จะมีการอุดตันที่มากขึ้น ก่อให้เกิดการเสียดสี ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บ มีเลือดออก ทำให้ปัสสาวะมีสีแดงขึ้นจากเลือด หรือบางกรณีมีสีเหมือนน้ำล้างเนื้อ

  • อาการปวดจากนิ่วอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ อาจมีอาการปวดบริเวณบั้นเอว หรือ บริเวณท้องขึ้นอยู่กับตำแหน่งนิ่ว
  • มีปัสสาวะแสบ ขัด และปัสสาวะลำบาก
  • มีปัสสาวะเป็นเลือด พบได้ถึงร้อน 80-90 ของผู้ป่วย
  • ปัสสาวะขุ่นเป็นผลคล้ายชอล์ก เนื่องจากการตกตะกอนของสารที่เป็นส่วนประกอบของนิ่ว
  • การติดเชื้อ การอุดกั้นของนิ่วทำให้ปัสสาวะคั่งค้างในระบบทางเดินปัสสาวะ เกิดการติดเชื้อ มีไข้ หากมีอาการมากอาจพบปัสสาวะขุ่น มีหนองปน และกลิ่นเหม็น
  • ปัสสาวะไม่ออก กรณีที่เป็นนิ่วบริเวณท่อปัสสาวะ
  • ไม่มีน้ำปัสสาวะ กรณีที่มีภาวะอุดตันของไตอย่างรุนแรงทั้งสองข้าง
  • อาการแทรกซ้อน เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และท้องอืด

 

ส่วนอาการของนิ่วในไต หรือท่อไต จะลักษณะอาการปวดตรงบริเวณเอวด้านหลังที่เป็นตำแหน่งของไต เวลาที่ก้อนนิ่ว หลุดมาอยู่ในท่อไต ผู้ป่วยจะมีอาการปวดชนิดที่รุนแรงมาก เหงื่อตก และเกิดเป็นพักๆ บางรายปัสสาวะอาจมีเลือดหรือเป็นสีน้ำล้างเนื้อร่วมด้วย แต่ถ้านิ่วลงมาอุดบริเวณที่ท่อไตต่อกับกระเพาะปัสสาวะ ผู้ป่วยจะมีอาการระคายเคืองเวลาปัสสาวะ อยากปัสสาวะ แต่ปัสสาวะขัด หากปล่อยให้เป็นนิ่วไปนานๆ โดยมิได้รับการรักษา จะทำให้ไตเกิดการบาดเจ็บเรื้อรัง ส่งผลให้ไตมีรูปร่าง และการทำงานผิดปกติมากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่ภาวะไตวายในที่สุด

 

การรักษานิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ

ปัจจุบันมีการรักษาหลายวิธี โดยแพทย์จะพิจารณาจากชนิด ขนาด ตำแหน่ง ความแข็งของนิ่ว ไตบวมมากหรือน้อย การอักเสบของไต แล้ววิเคราะห์เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละราย บางท่านอาจจะเหมาะสมที่จะรักษาด้วยการสลายนิ่ว แต่บางท่านไม่เหมาะสมที่จะสลายนิ่ว อาจรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆ เริ่มจาก

  • การรักษาตามอาการในกรณีนิ่วมีขนาดเล็กกว่า 4 มม. โดยจะแนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆ เพื่อให้นิ่วหลุดออกเองและตามผลอย่างสม่ำเสมอ
  • การรักษาด้วยยา เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีนิ่วขนาดเล็กในไต หรือท่อไต ลักษณะกลม เรียบ มีอาการปวดไตน้อย ไม่อักเสบรุนแรง
  • การเจาะเพื่อดูดเอานิ่วออก หรือการสลายนิ่วด้วยเครื่อง Shockwave ซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยที่มีนิ่วขนาดไม่เกิด 2 ซม.เหมาะสำหรับนิ่วในไต หรือ ท่อไตขนาดปานกลาง
  • การผ่าตัด ได้แก่ การผ่าตัดแบบเปิดแผล เหมาะสำหรับนิ่วที่มีขนาดใหญ่ เช่น นิ่วในท่อไตที่ติดแน่น นิ่วเขากวางในไต รวมไปถึงผู้ป่วยที่มีอาการอักเสบรุนแรง ซึ่งต้องรีบขจัดนิ่วออก ผู้ป่วยที่มีไตเสื่อมมากแล้ว เป็นต้น

ส่วนการรักษานิ่วโดยใช้วิธีส่องกล้องเข้าไปคีบ ขบ หรือกรอนิ่ว เหมาะสำหรับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ และท่อไต โดยแพทย์จะสอดกล้องเข้าไปตามท่อปัสสาวะเพื่อทำการรักษา

 

แนวทางการป้องกันการเกิดโรคนิ่ว

  1. ดื่มน้ำมากกว่าวันละ 8 แก้ว หรือให้ได้ปริมาตรของปัสสาวะมากกว่า 2 ลิตรต่อวัน เพื่อลดความอิ่มตัวของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ และลดการก่อผลึกนิ่วที่อาจเกิดขึ้นได้ในระบบทางเดินปัสสาวะ
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบถ้วนและสัดส่วนเหมาะสม โดยเฉพาะอาหารจำพวกผักและผลไม้
  3. ลดอาหารที่มีเนื้อสัตว์ ไขมันสัตว์ อาหารหวาน เค็มมาก และอาหารที่มีกรดยูริกสูง
  4. เลี่ยงหนังสัตว์ปีก ตับ ไต ปลาซาร์ดีน
  5. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีออกซาเลตสูง ได้แก่ ผักโขม ช็อกโกแลต ชา ถั่ว แอปเปิล หน่อไม้ฝรั่ง บล็อคโคลี เบียร์ น้ำอัดลม กาแฟ โกโก้ ไอศกรีม สับปะรด วิตามินซี โยเกิร์ต
  6. ผู้ป่วยที่มีนิ่วควรรับประทานอาหารที่มีใยมาก และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

 

ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อย 1 ปีครั้ง อย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติ และสงสัยว่ามีนิ่วไต ควรปรึกษาแพทย์ อย่างไรก็ตามผู้ที่เคยเป็นนิ่วแล้วมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นโรคนิ่วอีกครั้งก็มีได้มาก ดังนั้น การเรียนรู้วิธีป้องกัน และดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดโรคนิ่วจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด


แชร์

Loading...
Loading...
Loading...