โยคะนับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมน่ารักๆ ระหว่างคุณแม่และคุณลูกที่จะได้ออกกำลังกายร่วมกัน นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายที่ดีกับสุขภาพคุณแม่แล้ว คุณลูกก็สามารถฝึกได้ตั้งแต่วัยเด็ก และยังทำให้คลื่นสมองต่ำ ช่วยให้ผ่อนคลาย บุคลิกร่างกายดีขึ้น มีวินัย และยอมรับคนอื่นได้มากขึ้นอีกด้วย ฉะนั้น ช่วงอายุประมาณ 4 ขวบ จึงเป็นช่วงเวลาที่ลูกพร้อมจะรับฟังคำสั่งได้แล้ว ซึ่งเป็นเวลาเหมาะสมที่คุณแม่จะชวนลูกน้อยมาฝึกโยคะกัน โดยเริ่มจาก
- ฝึกลมหายใจเข้า-ออก สอนให้ลูกหายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟ่บ อาจใช้วิธีนั่ง หรือนอน แล้วแตะมือไว้ที่หน้าท้องว่าเป็นอย่างที่ต้องการหรือไม่ หรือจะใช้วิธีนอนหงาย ชันเข่าขึ้น แล้ววางตุ๊กตาไว้ที่หน้าท้องเพื่อดูความเคลื่อนไหวของหน้าท้อง ถ้าลูกรู้สึกยากเกินไป ลองเปลี่ยนเป็นการออกเสียงแบบผึ้งตอนหายใจก็ได้ เช่น หายใจเข้าปกติ หายใจออกปิดปากเปล่งเสียงออกจากลำคอจนหมดเสียง
- ช่วงเวลาในการฝึกโยคะ หลังอาหารประมาณ 2 ชั่วโมง คือเวลาดีสำหรับการฝึกโยคะ เพราะท้องไม่แน่นเกินไป สบายตัวเวลาฝึก
- ระยะเวลาในการฝึกโยคะ ใช้เวลาในการฝึกโยคะ ครั้งละไม่เกิน 30-40 นาที เพราะเกินจากนี้เด็กๆ อาจรู้สึกเบื่อได้
- อุปกรณ์ในการฝึกโยคะ ก่อนฝึกโยคะให้ใส่ชุดสบายๆ ยืดหยุ่นได้ดี และเตรียมพื้นที่ที่มีเบาะนุ่มๆ รองรับ เพื่อป้องกันอันตราย
- สติ และสมาธิ การฝึกโยคะต้องสงบนิ่ง เด็กจะได้ฝึกสมาธิ หัดอยู่นิ่งๆ ให้เป็น
ข้อดีของการฝึกโยคะให้กับลูก
- ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและความยืดหยุ่น โยคะช่วยให้กล้ามเนื้อของเด็กๆ พัฒนาอย่างสมดุล ท่าโยคะต่างๆ ช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นมากขึ้น ลดการบาดเจ็บ และยังส่งเสริมการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อในทุกส่วน ซึ่งต่างจากการออกกำลังกายที่หนักเกินไป เด็กๆ สามารถเพลิดเพลินกับการฝึกท่าโยคะได้โดยไม่ต้องห่วงเรื่องเจ็บปวด
- เสริมสร้างการทรงตัวและการประสานงานของร่างกายโยคะช่วยเสริมสร้างการทรงตัว ทำให้เด็กๆ มีความมั่นใจในการเคลื่อนไหว การฝึกท่าที่ต้องอาศัยการทรงตัว เช่น ท่าต้นไม้ (Tree Pose) ช่วยให้เด็กๆ สามารถประสานงานระหว่างกล้ามเนื้อและสมองได้ดีขึ้น พัฒนาการในเรื่องนี้จะช่วยให้ลูกๆ ทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจมากขึ้น
- พัฒนาสมองและสมาธิ การฝึกโยคะเน้นให้เด็กฝึกการหายใจอย่างเป็นระบบ ซึ่งช่วยเสริมการทำงานของสมอง เด็กๆ ที่ฝึกโยคะจะสามารถโฟกัสในสิ่งที่ทำได้ดีขึ้น ทำให้พร้อมสำหรับการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการบ้านหรือกิจกรรมอื่นๆ
- ช่วยให้ใจสงบและจัดการกับความเครียดแบบง่ายๆ การฝึกโยคะช่วยให้เด็กได้รู้จักการหายใจลึกๆ และทำสมาธิ ซึ่งมีผลดีต่อจิตใจของเด็ก และโยคะยังช่วยลดความตึงเครียดและเพิ่มสมาธิ ทำให้เด็กมีทักษะในการควบคุมอารมณ์และเผชิญกับสถานการณ์ท้าทายต่างๆ ได้ดีขึ้น
- สร้างความมั่นใจในตัวเอง การที่เด็กฝึกโยคะและทำท่าต่างๆ สำเร็จ จะทำให้เขารู้สึกภูมิใจในตนเอง ความสำเร็จเล็กๆ เหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ และยังทำให้เด็กเห็นคุณค่าของการตั้งใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมีสมาธิ ความมั่นใจนี้ยังสามารถขยายไปสู่กิจกรรมอื่นๆ ได้อีกด้วย
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย โยคะช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น ระบบย่อยอาหาร การหายใจ และระบบหมุนเวียนโลหิต เมื่อระบบเหล่านี้ทำงานดี เด็กๆ จะรู้สึกแข็งแรงและสดชื่นทุกวัน
- ส่งเสริมความสัมพันธ์กับครอบครัว การทำท่าโยคะด้วยกันกับคนที่บ้านจะช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว นอกจากนี้ยังช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้การทำงานเป็นทีมและการดูแลผู้อื่นผ่านการฝึกโยคะร่วมกัน
4 ท่าโยคะง่ายๆ สำหรับเด็ก
- ท่างู ท่านี้จะช่วยยืดกล้ามเนื้อหลัง และเพิ่มความแข็งแรงให้กับมือทั้งสองข้าง
-
- นอนคว่ำกับพื้น ก้มหน้าให้ติดพื้น
- วางมือไว้ใต้ไหล่ทั้งสองข้าง
- ยกหน้าอกโดยการใช้แขนทั้งสองข้างยันกับพื้นขึ้นมาแล้วค้างไว้
- ทำซ้ำ 5-8 ครั้ง อย่าลืมหายใจแบบโยคะไปพร้อมๆ กันด้วย
- ท่าต้นไม้ ท่านี้จะช่วยปรับสมดุลการทรงตัว และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแขน และขา
-
- นั่งยองๆ
- ค่อยๆ ยืนขึ้นช้าๆ
- เขย่งปลายเท้าทั้งสองข้าง
- ชูมือขึ้นด้านบน พร้อมจินตนาการเป็นต้นไม้ที่กำลังรับแดด
- กางนิ้วมือออก ชูนิ้วมือเหมือนเป็นใบไม้
- ค้างไว้ แล้วกลับสู่ท่าแรก ทำซ้ำ 5-8 ครั้ง พร้อมหายใจแบบโยคะ
- ท่าภูเขา ท่านี้จะช่วยฝึกการยืนที่ถูกต้อง ปรับสมดุล ฝึกใช้จินตนาการ
-
- ยืนตัวตรง วางเท้าราบกับพื้น เข่าไม่งอ ผายไหล่ไปด้านหลังสบายๆ
- หลังตรง ศีรษะตรง เท้าอยู่ในท่าที่มั่นคงไม่โอนเอนไปมา
- ยืนนิ่งสงบแล้วจินตนาการว่าเราคือภูเขาลูกโตที่ไม่เคยเอนไปตามลมแรงๆ ที่มาปะทะ
- หายใจเข้า-ออก จิตจดจ่อกับลมหายใจนิ่งๆ 3 นาที
- ฝึกท่านี้อย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง เวลาที่รู้สึกลูกไม่มีสมาธิก็ให้ฝึกท่านี้ได้เลย
- ท่าศพศวาสนะ ฝึกให้เขาผ่อนคลาย จิตใจสงบ ช่วยให้นอนหลับสบาย และทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกสดชื่นด้วย
-
- นอนนิ่งๆ ปล่อยทิ้งทุกส่วนของร่างกาย ไม่เกร็ง
- หายใจเข้า-ออกช้าๆ
- ให้จิตใจและร่างกายได้ผ่อนคลาย