“จิตเวชศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ผสมผสานทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะเข้าด้วยกัน การดูแลรักษาผู้ป่วยจิตเวชจึงไม่ใช่เพียงการค้นหาความผิดปกติจากปัจจัยทางชีวภาพ เช่น ความผิดปกติในการทำงานของสมอง หรือสารเคมีในระบบประสาทเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในกระบวนการทางจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความคิด อารมณ์ และพฤติกรรม ซึ่งสะท้อนมาจากการทำงานของสมอง ประสบการณ์ชีวิต และบริบทเฉพาะตัวของแต่ละคน”

พ.ญ. สุชาวดี พงศ์ธนวิสุทธิ์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี แพทยศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ 2) จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในปี พ.ศ. 2556 โดยคุณหมอมีความสนใจด้านสุขภาพจิตตั้งแต่ครั้งยังเป็นนักศึกษาแพทย์ เพราะเชื่อว่าสุขภาพจิตที่ดีเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของสุขภาวะโดยรวมของมนุษย์

เมื่อมีโอกาส คุณหมอจึงศึกษาต่อในสาขาจิตเวชศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และได้รับวุฒิบัตรแพทย์เฉพาะทางในปี พ.ศ. 2559 โดยในขณะนั้น คุณหมอยังมีความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องของสุขภาพจิตในเด็กและวัยรุ่น จึงได้ศึกษาต่อยอดในอนุสาขาด้านจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น ณ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โดยสำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2561

นอกจากการทำหน้าที่แพทย์จิตเวชแล้ว ในช่วงปี พ.ศ. 2561-2564 คุณหมอยังได้เป็นอาจารย์แพทย์ ประจำหน่วยจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น ที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อีกด้วย

“หมอเชื่อว่า การมีสุขภาพจิตที่ดีตั้งแต่วัยเด็กเป็นรากฐานสำคัญของชีวิต การเป็นจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นนั้นไม่ใช่เพียงการตรวจ วินิจฉัย หรือรักษาโรคด้านจิตเวชเท่านั้น แต่คือการส่งเสริมให้ผู้เข้ามารับคำปรึกษาได้เรียนรู้ เติบโต พัฒนา และเข้าใจตนเองอย่างเหมาะสมตามวัย เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นคงภายในจิตใจ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กและวัยรุ่นที่กำลังอยู่ในช่วงค้นหาตัวตน การรับฟังสิ่งที่พวกเขาต้องการสื่อสาร แม้จะเป็นความรู้สึกหรือความคิดที่ยากจะอธิบายด้วยคำพูด แต่เป็นหน้าที่ของเราที่จะช่วยค้นหา และส่งเสริมให้พวกเขาเห็นคุณค่าของตนเอง เพื่อช่วยปลดล็อกศักยภาพให้พวกเขาสามารถก้าวต่อไปได้อย่างมีคุณภาพในบริบทของตนเอง”

ดูแลด้วยความเข้าใจ ลึกซึ้งด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญด้านจิตเวชเด็กและวัยรุ่น

พ.ญ. สุชาวดี พงศ์ธนวิสุทธิ์ มีความเชี่ยวชาญทั้งในสาขาจิตเวชศาสตร์ทั่วไปและจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น ทำให้เข้าใจถึงพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงวัย ตั้งแต่เด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น ไปจนถึงวัยผู้ใหญ่อย่างลึกซึ้ง โดยคุณหมอให้การดูแลครอบคลุมโรคและภาวะทางจิตเวชที่หลากหลาย ตั้งแต่

กลุ่มโรคพัฒนาการและระบบประสาท (Neurodevelopmental disorders) เช่น

• โรคสมาธิสั้น (ADHD)ที่เด็กอาจมีปัญหาเรื่องสมาธิและการควบคุมตนเอง
• โรคบกพร่องทางการเรียนรู้(Learning Disorder) เช่น เด็กที่มีความยากลำบากในการเรียนรู้บางด้านเมื่อเทียบกับเพื่อนในวัยเดียวกัน
• กลุ่มออทิสติกสเปกตรัม(Autism Spectrum Disorder) เช่น เด็กที่แสดงลักษณะการสื่อสารหรือพฤติกรรมที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป คุณหมอจะให้การดูแลและให้คำปรึกษากับครอบครัวของเด็ก เพื่อสร้างความเข้าใจในการส่งเสริมพัฒนาการให้แก่เด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• ปัญหาพฤติกรรมและการเลี้ยงดูเด็กและวัยรุ่นโดยคุณหมอจะให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยให้เด็กๆ เติบโตอย่างมั่นใจและเหมาะสมกับบริบทของตน

กลุ่มโรคทางอารมณ์และความเครียด เช่น

• โรคซึมเศร้า(Major Depressive Disorder) ที่แสดงออกถึงความรู้สึกท้อแท้หรือหมดแรงใจ
• โรคอารมณ์สองขั้ว(Bipolar Disorder) ที่มีการเปลี่ยนแปลงอารมณ์แบบสุดขั้ว
• ความวิตกกังวลเรื้อรัง(Generalized Anxiety Disorder)
• ปัญหาภาวะเครียดสะสม และการปรับตัว(Adjustment Disorder)

กลุ่มโรคด้านความคิด เช่น

• โรคจิตเภท(Schizophrenia) ที่ทำให้ผู้ป่วยมีความคิดและการรับรู้ที่ผิดปกติ
• กลุ่มโรคย้ำคิดย้ำทำ(OCD) ที่มักจะทำให้เกิดความคิด หรือพฤติกรรมซ้ำๆ ที่ควบคุมไม่ได้ เช่น โรคย้ำคิดย้ำทำ (Tics Disorder)

นอกจากนี้ ยังดูแลเรื่อง ปัญหาการนอนหลับและความผิดปกติของวงจรชีวิตประจำวัน ซึ่งมีผลกระทบกับการเรียนรู้และอารมณ์โดยรวมอย่างมาก ด้วยการให้คำแนะนำแนวคิดเพื่อการดำเนินชีวิตที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย ไปสู่การมีชีวิตประจำวันที่สมดุลและมีความสุข โดยไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรคใด คุณหมอจะให้ความสำคัญกับการดูแลด้วยความเข้าใจ เพื่อให้ทุกคนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ไปได้อย่างมั่นคง

จากเรื่องเล่า…สู่พลังใจ คือเส้นทางของการปลดล็อกศักยภาพและตัวตนแบบองค์รวมพ.ญ. สุชาวดี พงศ์ธนวิสุทธิ์ ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยโดยคำนึงถึง ‘ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์’ และการส่งเสริมการพัฒนาตัวตน (self-development) ของแต่ละบุคคล โดยใช้แนวทาง Narrative Therapy ซึ่งเชื่อว่า ทุกคนมีเรื่องเล่าชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยในกระบวนการบำบัด จะเป็นการชักชวนให้ผู้เข้ารับคำปรึกษาได้สำรวจและทำความเข้าใจเรื่องราวชีวิตของตนผ่านการเล่า เพื่อค้นพบและ ‘เล่าเรื่องใหม่’ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างพลังภายในใจ ทั้งในแง่ของความรู้สึก การมีคุณค่าในแบบของตน และมีความสามารถในการกำหนดชีวิตของตนเอง (Sense of Self and Agency) โดยเน้นที่การรับฟังอย่างลึกซึ้งแบบไม่ตัดสิน พร้อมการยอมรับตัวตนของผู้เข้ารับคำปรึกษาอย่างไม่มีเงื่อนไข เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้พัฒนาตนเอง ทั้งด้านอารมณ์และการรับรู้ เพื่อการฟื้นฟูสุขภาพจิต (ใจ) ได้อย่างแท้จริง

“หมอเชื่อว่า ‘ทุกชีวิตมีค่าเสมอ’ และชีวิตก็เปรียบเสมือนต้นไม้ที่เติบโตจากเมล็ดพันธุ์ที่แตกต่างกัน ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน แต่ละต้นจึงมีจังหวะและเส้นทางการเติบโตที่เป็นของตัวเอง และแม้จะไม่เหมือนกัน แต่ทุกต้นล้วนงดงามและมีคุณค่าในแบบของตน การมีสุขภาพจิตที่ดีจึงเป็นเหมือนฐานรากที่สำคัญ ที่ช่วยให้พวกเขาเติบโตอย่างมั่นคง มีความสุข และสามารถเผชิญกับทุกความเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง”