“หมอเลือกเรียนทางด้านศัลยศาสตร์ประสาท เพราะรู้สึกว่าการผ่าตัดสมองคือศาสตร์ที่ท้าทาย ต้องอาศัยความรู้ สมาธิ และการตัดสินใจอย่างฉับไว เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยรอดชีวิต และฟื้นคืนคุณภาพชีวิตใกล้เคียงเดิมมากที่สุด”

 

จากจุดเริ่มต้นสู่การเป็นศัลยแพทย์ประสาท

หลังสำเร็จการศึกษาแพทยศาสตรบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นพ.ตุ๋ย รุ่งเจริญ ได้ศึกษาต่อวุฒิบัตรศัลยศาสตร์ประสาท ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ต้องอาศัยทั้งความรู้ และทักษะในการทำหัตถการในการรักษาผู้ป่วย รวมถึงการตัดสินใจที่ถูกต้องรวดเร็วภายใต้เวลาอันจำกัด โดยเฉพาะในเคสเหตุการณ์เร่งด่วนที่เกี่ยวกับสมอง ซึ่งมีโอกาสฟื้นกลับมาได้หากได้รับการรักษาอย่างทันเวลา โดยในช่วงหนึ่งของเส้นทางวิชาชีพศัลยแพทย์ประสาท คุณหมอยังได้ไปเพิ่มพูนทักษะและประสบการณ์วิชาชีพแพทย์ ณ ประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย

 

ความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านภาวะฉุกเฉินทางสมองและการผ่าตัดอย่างแม่นยำ

นพ.ตุ๋ย รุ่งเจริญ เป็นแพทย์ผู้มีความชำนาญในการดูแลผู้ป่วยภาวะฉุกเฉินทางระบบประสาทและสมอง อาทิ ภาวะเลือดออกในสมอง ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง สมองบวม และการเคลื่อนตัวของเนื้อสมองที่กดทับก้านสมอง ซึ่งล้วนเป็นภาวะวิกฤตที่ต้องได้รับการวินิจฉัยและรักษาโดยรวดเร็ว

 

ด้วยประสบการณ์อันยาวนาน ทำให้คุณหมอสามารถวิเคราะห์ภาพจาก CT Scan และ MRI ได้อย่างแม่นยำ วางแผนการผ่าตัดอย่างมีประสิทธิผล และแม้จะอยู่ในช่วงวัยเกษียณ คุณหมอยังคงเข้าร่วมการผ่าตัดกับแพทย์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง

 

“บางเคสหมอก็จะเข้าร่วมการผ่าตัดกับแพทย์รุ่นใหม่ๆ โดยเฉพาะในภาวะเร่งด่วน เพราะความเสียหายของสมองจะไม่รอเรา เราต้องแข่งกับเวลาเสมอ การได้เห็นผู้ป่วยที่เกือบหมดสติฟื้นกลับมา พูดได้เป็นปกติ กินข้าวเองได้ นั่นคือความสุขของหมอ”

 

ผสมผสานประสบการณ์กับเทคโนโลยีเพื่อการรักษา

นพ.ตุ๋ย รุ่งเจริญ เห็นว่าการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ เช่น การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ระบบนำทางการผ่าตัด (Surgical Navigation System) และเครื่องมือต่าง ๆ มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้การวินิจฉัยและการรักษารวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

 

อย่างไรก็ตาม คุณหมอเน้นย้ำว่า เครื่องมือที่ทันสมัยเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ หากขาดความรู้และประสบการณ์ของแพทย์ที่สามารถประเมินสถานการณ์ภายใต้ความกดดันได้ โดยเฉพาะในภาวะฉุกเฉิน

 

“เครื่องมือและเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ล้วนมีบทบาทสำคัญในการช่วยวินิจฉัยโรคให้แม่นยำและรวดเร็วขึ้น แต่สิ่งที่หมอให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือ ‘ประสบการณ์ของแพทย์’ เพราะในภาวะฉุกเฉิน เช่น ผู้ป่วยสมองบวม หรือมีความดันในกะโหลกศีรษะสูง เราอาจไม่สามารถรอผลตรวจทั้งหมดได้ หมอจึงต้องตัดสินใจจากอาการ การตรวจทางคลินิก และข้อมูลเบื้องต้นที่มีอยู่ เพื่อให้การรักษาเริ่มได้เร็วที่สุด เพราะเมื่อสมองบางส่วนเสียหายไปแล้ว มักก็ยากที่จะฟื้นกลับมาได้สมบูรณ์”

 

แนวโน้มผู้ป่วยโรคทางสมองในปัจจุบัน และบทเรียนจากประสบการณ์หลายทศวรรษ

จากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในแวดวงศัลยกรรมระบบประสาทมาหลายทศวรรษ นพ.ตุ๋ย รุ่งเจริญ ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้ป่วยอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ผู้ป่วยโรคทางสมองมีแนวโน้มอายุน้อยลง ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมเสี่ยงในชีวิตประจำวัน เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียดเรื้อรัง และการละเลยการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

 

อย่างไรก็ตาม คุณหมอยังเห็นด้านที่น่ายินดีของระบบสาธารณสุขไทยที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยและการรักษาได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้โอกาสในการฟื้นตัวของผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากได้รับการดูแลอย่างทันท่วงที

 

แนวทางการดูแลผู้ป่วยและทัศนคติที่ยึดมั่น

นพ.ตุ๋ย รุ่งเจริญ ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นอันดับแรกเสมอ แม้บางครั้งจะต้องทำงานนอกเวลาหรือประสานงานข้ามหน่วยงาน เพื่อให้การดูแลเป็นไปอย่างต่อเนื่องและครบถ้วน

 

ในฐานะแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยมาอย่างยาวนาน ผู้ป่วยหลายรายยังคงติดตามมารับการดูแลอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วัยเด็ก จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มีครอบครัว ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่เกิดจากประสบการณ์และความใส่ใจอย่างแท้จริงของแพทย์

 

“บางคนรักษากับหมอมาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น จนวันนี้พาลูกหลานมาหา บางคนเดินทางข้ามจังหวัดมารอตั้งแต่เช้า นั่นคือสิ่งที่หมอรู้สึกว่า การเป็นแพทย์นั้นมีค่ามากกว่าหน้าที่ มันคือความผูกพันที่ลึกซึ้ง”

 

การดูแลที่มากกว่าการรักษา คือการใส่ใจในความหวังของผู้ป่วยและครอบครัว

ตลอดเส้นทางการทำงานที่ยาวนานของ นพ.ตุ๋ย รุ่งเจริญ มีหลากหลายเหตุการณ์ที่สร้างความประทับใจ และตอกย้ำถึงคุณค่าของวิชาชีพแพทย์ หนึ่งในเคสที่คุณหมอยังคงจดจำได้อย่างชัดเจน คือผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกในสมองและอยู่ในภาวะกึ่งหมดสติ เมื่อประเมินแล้วพบว่าอาการอยู่ในขั้นวิกฤต ไม่สามารถรอผลการวินิจฉัยที่ครบถ้วนทั้งหมดได้ คุณหมอจึงตัดสินใจผ่าตัดอย่างเร่งด่วน ทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยไว้ได้ทันท่วงที

 

ซึ่งไม่นานหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัว นั่งรับประทานอาหารเองได้ และกลับมาพูดคุยได้เป็นปกติ เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเป็นความสำเร็จทางการแพทย์ แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ถึงการตัดสินใจที่ถูกต้อง ณ ช่วงเวลาที่เปราะบางที่สุด

 

“เคสนั้นหมอจำได้ดี เราไม่แน่ใจว่าผู้ป่วยจะรอดไหม เพราะอาการหนักมาก ต้องตัดสินใจภายในไม่กี่นาทีว่าจะผ่าตัดหรือไม่ เพราะทุกวินาทีมีค่ากับสมองที่กำลังบวมและมีเลือดคั่ง การลงมือรักษาในจังหวะที่เหมาะสมคือสิ่งสำคัญที่สุด หมอคิดว่า…ในทุกการรักษา เราไม่ได้แค่ดูแลร่างกาย แต่เราดูแลความหวังของผู้ป่วยและคนที่เขารักด้วย”

 

การได้ใช้ความรู้ที่มีคือภารกิจที่มีคุณค่าตลอดชีวิต

ปัจจุบัน นพ.ตุ๋ย รุ่งเจริญ ยังคงมุ่งมั่นในการใช้ความรู้และประสบการณ์เพื่อการดูแลรักษาผู้ป่วย โดยให้ความสำคัญกับคุณค่าของวิชาชีพแพทย์เสมอมา

 

“หมอเชื่อว่าองค์ความรู้ทางการแพทย์ โดยเฉพาะประสบการณ์ตรงจากการรักษาผู้ป่วย ควรถูกส่งต่อให้แพทย์รุ่นใหม่อย่างต่อเนื่อง เพราะในห้องผ่าตัดจริง ทุกวินาทีคือการตัดสินใจที่อาจเปลี่ยนชีวิตผู้ป่วยได้ การถ่ายทอดความรู้จากเคสจริง ทำให้แพทย์รุ่นใหม่ได้เรียนรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์แห่งวิชาชีพแพทย์ ไม่ใช่แค่ความรู้จากตำรา แต่รวมถึงการวิเคราะห์ การวางแผน และการมองผู้ป่วยอย่างเข้าใจในองค์รวม หมอจึงยังเลือกที่จะดูแลผู้ป่วยต่อไป เพราะสิ่งเหล่านี้คือแรงผลักดันที่ทำให้หมอรู้สึกว่า หน้าที่ของแพทย์ยังไม่สิ้นสุด”