คุณหมอยืนยัน…โรคต้อหิน คน “วัยทำงาน” ก็มีสิทธิ์เป็นได้
ถึงโรคต้อหินจะดูเหมือนเป็นโรคของกลุ่มผู้สูงวัย แต่ก็ใช่ว่ากลุ่มคนวัยทำงานอย่างเราจะละเลยสุขภาพตา ยิ่งพอได้ไปพูดคุยกับ พญ. ทัศพร ญาณวิทย์ เกี่ยวกับอันตรายของโรค “ต้อหิน” แล้ว บอกเลยว่าโรคนี้ถ้าปล่อยไว้อันตรายมากกว่าที่คิด
จุดเริ่มต้นของ “ต้อหิน”สำหรับใครที่เคยแต่ได้ยิน แต่ไม่รู้รายละเอียดเลยว่า โรคต้อหินนี้มันเป็นยังไง คุณหมออธิบายให้เราฟังว่า “โรคต้อหินจะพบมีความผิดปกติของการไหลเวียนของน้ำหล่อเลี้ยงลูกตา ทำให้ความดันตาสูงขึ้น และเกิดการทำลายประสาทตาตามมา ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ความดันตาสูงนั้นก็เกิดได้ทั้งจากสรีระทางกายภาพของตาเอง ที่ไม่สามารถไหลเวียนน้ำออกได้ตามปกติ และเกิดจากสาเหตุทางตาอื่นๆ หรือทางร่างกาย เช่น เคยมีอุบัติเหตุเกี่ยวกับดวงตา มีการอักเสบของในลูกตา มีเนื้องอกในตา ต้อกระจก เบาหวานขึ้นตา หรือการใช้ยาเสตียรอยด์”
“สัญญาณเตือน” ที่ต้องระวังเมื่อไหร่ที่เริ่มรู้สึกปวดตามากๆ ที่มาคู่กับอาการปวดหัว คลื่นไส้ หรืออาเจียนร่วมด้วย ให้ระวังไว้ให้ดี เพราะคุณหมอบอกว่าอาการเหล่านี้นี่แหละ คืออาการของโรคต้อหินเฉียบพลัน โดยเฉพาะในเคสที่เป็นต้อหินมุมปิดเฉียบพลัน หรือบางรายอาจมีอาการตาแดงสู้แสงไม่ได้ มีน้ำตาไหล และรู้สึกตามัวลง แต่ในเคสที่อาการของโรคเป็นแบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป ผู้ป่วยมักไม่ค่อยรู้ตัว เรียกว่าพอมารู้อีกทีอาการของโรคก็ไปไกลแล้ว
ไม่ใช่แค่ผู้สูงวัยที่เป็น “กลุ่มเสี่ยง”จากที่เราเคยรู้สึกว่าโรคนี้เป็นของผู้สูงอายุ แต่ความจริงแล้ว โรคนี้สามารถเกิดได้กับคนทุกวัย เรียกว่าตั้งแต่แรกเกิดเลยทีเดียว โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคต้อหิน เช่น ผู้ที่ตรวจพบความดันตาสูง มีประวัติครอบครัวเป็นโรคต้อหิน มีการใช้ยาเสตียรอยด์ คนที่สายตาสั้นมากๆ หรือยาวมากๆ คนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ หรือในกลุ่มคนที่เป็นโรคที่มีผลต่อระบบเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือโรคที่ทำให้หลอดเลือดอักเสบเรื้อรัง
“การตรวจเชคขั้วประสาทตา” จึงเป็นสิ่ง “จำเป็น”อย่างที่บอกว่าหลายครั้งที่ผู้ป่วยบางคนมารู้ตัวก็เมื่อโรคนั้นดำเนินไปไกลแล้ว ทำให้เราควรที่จะต้องรู้จักป้องกันตัวเองไว้ก่อน ซึ่งหนึ่งวิธีที่คุณหมอแนะนำนั่นก็คือนั้น การตรวจดูขั้วประสาทตา เพื่อช่วยตรวจคัดกรองโรคต้อหิน ในกรณีที่เป็นต้อหินชนิดความดันในลูกตาไม่สูง ซึ่งการตรวจคัดกรองนี้ยังช่วยในการตรวจติดตามการเป็นไปของโรค และผลในการรักษาต้อหินได้อีกด้วย
เมื่อเป็นแล้ว…ก็รักษาได้สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ไปแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะหมดหวัง เพราะคุณหมอบอกว่าโรคนี้สามารถรักษาได้หลายวิธี ช่น การรักษาด้วยยา เพื่อลดความดันลูกตา การรักษาด้วยแสงเลเซอร์ สำหรับเคสที่เป็นต้อหินมุมปิด และต้อหินมุมเปิดที่ใช้ยาแล้วไม่ได้ผลดี และสุดท้ายคือวิธีการผ่าตัด ซึ่งจะทำในกรณีที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล
สิ่งที่ต้องระวัง “หลังผ่าตัด”ใช่ว่าผ่าตัดแล้วจะละเลยตัวเอง “หลังการผ่าตัดรักษาต้อหิน และความดันลูกตาสามารถควบคุมได้โดยการผ่าตัด เมื่อระยะเวลาผ่านไป อาจมีผังผืดไปปกคลุมบริเวณที่ได้รับการผ่าตัดทำให้ความดันลูกตากลับมาสูงขึ้นได้” แต่ถ้าใครเลือกที่จะปล่อยไว้โดยไม่รักษา บอกเลยว่านั่นคือคุณได้เพิ่มโอกาสในการสูญเสียการมองเห็น เพราะฉะนั้นอย่าลืมป้องกันตัวเองง่ายๆ ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อตรวจวัดความดันลูกตาและขั้วประสาทตา
|
![]() แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพญ. ทัศพร ญาณวิทย์
จักษุแพทย์
แผนก จักษุ ชั้น 3 อาคาร A
โรงพยาบาลพญาไท ศรีราชา
โทร. 038-317-333 ต่อ 2347, 2348
|