Pregnancy Risks After Age 35

<p><span style="color: #00826a;"><strong><em>“เพราะการตั้งครรภ์และคลอดลูกที่ปกติแข็งแรงเป็นสิ่งที่แม่ทุกคนต้องการ การที่คุณแม่มีอายุมากไม่ได้เป็นข้อห้ามสำหรับการตั้งครรภ์ แต่คุณแม่จะต้องรู้และเตรียมความพร้อมเพื่อให้การตั้งครรภ์ของคุณแม่มีคุณภาพดีที่สุด”</em></strong></span> นั่นคือสิ่งที่ นพ.อดิศร อักษรภูษิตพงศ์ สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ ศูนย์สุขภาพหญิง โรงพยาบาลพญาไท3 ได้เน้นย้ำ&#8230; แล้วคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เมื่ออายุเข้าเลขสามแล้ว มีอะไรที่ต้องกังวลบ้าง</p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">อะไรทำให้ความสามารถในการตั้งครรภ์ของผู้หญิงลดลง เมื่ออายุมากขึ้น</span><strong><span style="color: #00826a;"><br />
</span></strong></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">ความสามารถในการตั้งครรภ์ของผู้หญิงจะเริ่มลดลงหลังอายุ 32 ปี และจะลดลงอย่างมากหลังอายุ 37 ปี เนื่องจากปริมาณและคุณภาพของไข่ที่ปฏิสนธิได้ลดลงตามอายุที่มากขึ้น โรคบางอย่างก็มีผลต่อความสามารถในการตั้งครรภ์และมักพบเมื่ออายุมากขึ้น เช่น เนื้องอกมดลูก, เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่, ช็อกโกแลตซิสต์ เป็นต้น นอกจากนั้นระหว่างการตั้งครรภ์ทั้งคุณแม่และลูกในครรภ์ก็มีความเสี่ยงบางอย่างที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด</span></p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ความเสี่ยงและปัญหาที่ต้องระวัง</span></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">คุณแม่ที่มีอายุมากมักมีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว เช่น ความดันเลือดสูง, เบาหวาน เป็นต้น ซึ่งมีผลต่อสุขภาพของทั้งแม่และทารก นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนหลายอย่างมากขึ้นด้วย เช่น การแท้งบุตร, ทารกโตช้าในครรภ์, ทารกเสียชีวิตในครรภ์, การคลอดก่อนกำหนด, ครรภ์เป็นพิษ, เบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นต้น</span></p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ยิ่งคุณแม่อายุมาก ยิ่งเสี่ยงเกิดความผิดปกติทางพันธุกรรม?</span></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">ความเสี่ยงต่อทารกพิการทางร่างกายโดยตรงไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก แต่มีความเสี่ยงต่อความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น โรคดาวน์ซินโดรม จะเพิ่มขึ้นมากและอาจมีผลให้เกิดความพิการในทารกจากตัวโรคทางพันธุกรรมได้มากขึ้น ดังนั้นคุณแม่ทุกคนควรได้รับการตรวจคัดกรองหรือการตรวจวินิจฉัยเพื่อหาความผิดปกติในทารก เช่น การเจาะเลือดตรวจคัดกรองทารกดาวน์ซินโดรม, การเจาะน้ำคร่ำ, การสุ่มตรวจชิ้นเนื้อรก, การอัลตร้าซาวด์ตรวจทารกอย่างละเอียด เป็นต้น</span></p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">โอกาสได้ลูกแฝด มีมากกว่า&#8230; แต่ก็ต้องระวังเป็นพิเศษ</span></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">คุณแม่ที่อายุมากมีโอกาสตั้งครรภ์แฝดได้เองมากขึ้น นอกเหนือจากนั้น การใช้เทคโนโลยีช่วยการมีบุตร เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการตั้งครรภ์แฝด แต่การตั้งครรภ์แฝดก็มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์หลายอย่าง เช่น การคลอดก่อนกำหนด, ครรภ์เป็นพิษ, ทารกโตช้าในครรภ์, เบาหวานระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นต้น ซึ่งต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสูติแพทย์เฉพาะทาง</span></p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ตรวจคัดกรองครรภ์เสี่ยง&#8230; จำเป็นอย่างไร</span></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับการตรวจคัดกรองภาวะครรภ์เสี่ยงจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์  (MFM: Maternal Fetal Medicine) ด้วยโปรแกรมการตรวจเลือดในระดับโครโมโซม และการตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์โหมดพิเศษ Doppler (Doppler Ultrasound) กับการตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ในช่วงอายุครรภ์ 16-22 สัปดาห์ และช่วง 32-34 สัปดาห์ โดยมีความสำคัญ ดังนี้</span></p>
<ul>
<li>เพื่อช่วยดูแลคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ในเชิงลึกควบคู่กับสูตินรีแพทย์ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์</li>
<li>เพื่อยืนยันว่าการตั้งครรภ์มีความปลอดภัยหรือมีภาวะผิดปกติมีความเสี่ยงในกรณีใดหรือไม่</li>
<li>ดูแลรักษาคุณแม่ครรภ์เสี่ยงสูง เฝ้าระวังและติดตามสุขภาพของทารกในครรภ์ที่มีความผิดปกติ ที่สามารถรักษาได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่อทารก ซึ่งบางครั้งอาจหมายถึงการเสียชีวิตของลูกในครรภ์ได้</li>
</ul>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">ความเสี่ยงต่อทารก&#8230; ตรวจพบเร็ว รักษาได้</span></h4>
<ul>
<li>ทารกมีภาวะโลหิตจาง สามารถให้เลือดกับทารกในครรภ์ผ่านการเจาะหน้าท้องคุณแม่ผ่านไปยังสายสะดือของทารก</li>
<li>ทารกแฝด ทารกในครรภ์อาจมีการแย่งเลือดกันเอง ในกรณีที่ใช้รกร่วมกัน สามารถรักษาด้วยการส่องกล้องผ่านหน้าท้องและยิงเลเซอร์ไปยังรกเพื่อรักษา</li>
<li>เนื้องอกที่รก ซึ่งจะไปแย่งเลือดจากทารก แพทย์จะรักษาด้วยการส่องกล้องและจี้ทำลายก้อนเนื้อที่รกออก</li>
</ul>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">คุณแม่สามารถคลอดธรรมชาติทางช่องคลอดได้หรือไม่?</span></h4>
<p style="color: #008080;"><span style="color: #000000;">คุณแม่ที่อายุมาก สามารถคลอดธรรมชาติทางช่องคลอดได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสุขภาพของทั้งแม่และลูกในครรภ์ แต่จากสถิติและภาวะแทรกซ้อนที่พบได้มากขึ้น พบว่าคุณแม่ที่มีอายุมากมีแนวโน้มจะได้รับการผ่าท้องคลอดมากกว่าคุณแม่ที่อายุน้อย</span></p>
<h4></h4>
<h4 style="color: #008080;"><span style="color: #00826a;">หากตั้งครรภ์เมื่ออายุมากแล้ว คุณแม่ควรเตรียมตัวอย่างไร</span></h4>
<ul>
<li>ตรวจสุขภาพก่อนการมีบุตร</li>
<li>รับประทานอาหารที่มีประโยชน์</li>
<li>รับประทานโฟลิคอย่างน้อย 0.4 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ และระหว่างการตั้งครรภ์</li>
<li>ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ</li>
<li>ลดน้ำหนักตัว ถ้าน้ำหนักตัวมากกว่าปกติหรืออ้วน</li>
<li>หยุดการสูบบุหรี่, การดื่มแอลกอฮอล์</li>
<li>หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเคมีที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์</li>
<li>เมื่อตั้งครรภ์แล้ว ให้ฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ และปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำ</li>
</ul>
<p align="right">
<p align="right"><span style="color: #00826a;"><strong>นพ.อดิศร อักษรภูษิตพงศ์ </strong></span><br />
สูติแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์</p>
<p align="right">ศูนย์สุขภาพหญิง โรงพยาบาลพญาไท 3</p>


เพราะการตั้งครรภ์และคลอดลูกที่ปกติแข็งแรงเป็นสิ่งที่แม่ทุกคนต้องการ การที่คุณแม่มีอายุมากไม่ได้เป็นข้อห้ามสำหรับการตั้งครรภ์ แต่คุณแม่จะต้องรู้และเตรียมความพร้อมเพื่อให้การตั้งครรภ์ของคุณแม่มีคุณภาพดี

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

เสี่ยงอย่างไร หากตั้งครรภ์เมื่ออายุเกิน 35 ปี

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล