Metabolic Syndrome (เมทาบอลิกซินโดรม) กับภาวะอ้วนลงพุง

<p><strong>ภาวะเมทาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome)</strong> คือ ภาวะที่เกิดจากระบบการเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติไป ทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง น้ำหนักตัวเกิน น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และไขมันในเลือดสูง ซึ่งภาวะต่างๆ เหล่านี้ เมื่อเป็นนานๆ เข้าก็จะส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลือดสมองที่ทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ตามมาได้</p>
<h2><span style="color: #00826a;">ภาวะอ้วนลงพุง (Central Obesity) คืออะไร?<strong><br />
</strong></span></h2>
<p><strong>ภาวะอ้วนลงพุง (Central Obesity)</strong> คือการที่ร่างกายมีไขมันสะสมบริเวณช่องท้องมากขึ้น ซึ่งไขมันเหล่านี้จะทำให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบ ความสมดุลของฮอร์โมนผิดปกติ และเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) เมื่อการออกฤทธิ์ของอินซูลินทำได้ไม่ดี จึงมีน้ำตาลสะสมในเลือดสูง และทำให้เป็นโรคเบาหวานได้ในที่สุด</p>
<h2><span style="color: #00826a;">เกณฑ์ในการตรวจ วินิจฉัยภาวะเมทาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome)<strong><br />
</strong></span></h2>
<p>ในการประเมินว่าผู้ป่วยมีภาวะเมทาบอลิกซินโดรมหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาถึงความผิดปกติ ว่าต้องมีอย่างน้อย 3 ใน 5 ข้อ นี้</p>
<ol>
<li>ความยาวรอบเอว ชาย ≥ 36 นิ้ว หรือ 90 เซนติเมตร และหญิง ≥ 32 นิ้ว หรือ 80 เซนติเมตร</li>
<li>ระดับน้ำตาลหลังอดอาหาร ≥ 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือ ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวาน</li>
<li>ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด (TG) ≥ 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร</li>
<li>ระดับ HDL คอเลสเตอรอล &lt; 40 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในเพศชาย และ &lt; 50 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตรในเพศหญิง</li>
<li>ระดับความดันโลหิต ≥ 130/85 มิลลิเมตรปรอท หรือได้รับยารักษาภาวะความดันโลหิตสูง</li>
</ol>
<h2><span style="color: #00826a;">การรักษาภาวะเมทาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome)<strong><br />
</strong></span></h2>
<p>การรักษาภาวะเมทาบอลิกซินโดรม ทำได้ 3 วิธีหลักๆ ดังนี้</p>
<ol>
<li><span style="color: #00826a;"><strong>ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม</strong></span> โดยต้องควบคุมปริมาณและชนิดอาหารที่กินให้เหมาะสม เน้นกินโปรตีนเป็นหลัก เสริมด้วยผัก ผลไม้ ลดอาหารประเภทแป้งและอาหารไขมันสูง เช่น อาหารทอด ผัด และต้องลดอาหารเค็ม หรืออาหารโซเดียมสูง</li>
<li><span style="color: #00826a;"><strong>ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ</strong></span> โดยเน้นการคาร์ดิโอ หรือการออกกำลังแบบแอโรบิก และต้องออกกำลังกายแบบเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้วย โดยทำให้ได้อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30-60 นาที ทั้งนี้เมื่อออกกำลังกายแล้วก็ต้องควบคุมปริมาณแคลอรีจากอาหาร เพื่อช่วยให้น้ำหนักลดลง หัวใจแข็งแรงขึ้น ทำให้ระดับความดันโลหิตดีขึ้น ระดับน้ำตาลและไขมันชนิดเลวในเลือดลดลง ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว</li>
<li><strong>การใช้ยาเพื่อลดความอยากอาหาร</strong> หรือการผ่าตัดกระเพาะเพื่อลดน้ำหนัก เหมาะกับคนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ และลดด้วยวิธีอื่นไม่ได้ผล ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ และอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะเท่านั้น</li>
</ol>
<p>&nbsp;</p>
<div style="text-align: right;"><span style="color: #00826a;"><strong>พญ. นารีลักษณ์ กลิ่นสุคนธ์(นิ่มน้อย)</strong></span></div>
<div style="text-align: right;">แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวานและต่อมไร้ท่อ</div>
<div style="text-align: right;">ศูนย์เบาหวานและต่อมไร้ท่อ โรงพยาบาลพญาไท 2</div>


ภาวะเมทาบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) หรือระบบการเผาผลาญทำงานผิดปกตินั้นจะทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง น้ำตาล ความดันโลหิต และไขมันในเลือดสูง ส่งผลให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคอื่นๆ ตามมาได้

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

Metabolic Syndrome (เมทาบอลิกซินโดรม) กับภาวะอ้วนลงพุง

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล