ไม่ได้ดื่มหนัก ก็เสี่ยงโรคตับได้

“ตับ” เป็นอวัยวะภายในร่างกายที่ใหญ่ที่สุด และมีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างน้ำดีเพื่อช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยขจัดของเสียออกจากกระแสเลือด รวมถึงช่วยผลิตโปรตีนหลายชนิดให้ร่างกาย ฉะนั้นเราจึงควรใส่ใจดูแล “ตับ” ให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรงปกติ พร้อมทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ โดยการ “ตรวจการทำงานของตับ” เช่นเดียวกับการตรวจอวัยวะอื่นๆ
<h2>ตรวจการทำงานของตับ</h2>
1. ตรวจการทำงานของตับ AST (Aspartate transaminase) หรือ SGOT (Serum glutamic oxaloacetic transaminase)  
AST คือเอนไซม์ที่ตับสร้างขึ้นเมื่ออวัยวะในร่างกายเกิดความเสียหาย หากพบในปริมาณมากจะเป็นสัญญาณว่าอวัยวะภายในมีปัญหา
<ul>
<li style="list-style-type: none;">
<ul>
<li aria-level="1">ตรวจการทำงานของตับ AST ตรวจเพื่อยืนยันอาการผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณของโรคทางตับ เช่น อาการตัวเหลือง คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้องใต้ชายโครงใต้ลิ้นปี่ เป็นต้น</li>
<li aria-level="1">ตรวจเมื่อต้องติดตามผลการรักษาอาการทางตับ หรือผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการรักษา</li>
<li aria-level="1">ตรวจเพื่อหาความเสียหายของตับที่อาจเกิดขึ้น</li>
</ul>
</li>
</ul>
2. ตรวจการทำงานของตับ ALT (Alanine transaminase) หรือ SGPT (Serum glutamate-pyruvate transaminase) 
ALT เป็นเอนไซม์ที่พบมากในตับ ร่างกายใช้ในการเผาผลาญโปรตีนเป็นพลังงาน เป็นเอนไซม์ที่สร้างขึ้นเมื่ออวัยวะในร่างกายเกิดความเสียหาย โดยปกติระดับ ALT พบได้ในกระแสเลือดปริมาณเล็กน้อย แต่หากตรวจพบ ALT ในปริมาณมากกว่าปกติ ก็อาจเป็นสัญญาณว่าการทำงานของตับมีปัญหานั่นเอง
<ul>
<li style="list-style-type: none;">
<ul>
<li aria-level="1">ตรวจสอบความรุนแรงของความเสียหายที่เกิดกับตับ หรืออาการทางตับที่เป็นอยู่</li>
<li aria-level="1">ตรวจการทำงานของตับสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการตัวเหลือง หรือผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเพื่อยืนยันโรคทางตับ</li>
<li aria-level="1">ตรวจสอบผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นกับยาที่ใช้รักษา เช่น ยาลดคอเลสเตอรอล</li>
</ul>
</li>
</ul>
<h2>ทำไมเราต้องตรวจตับ 
</h2>
หาก “ตับ” ทำงานผิดปกติ ก็จะส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายด้วย  เราจึงไม่ควรละเลย “การตรวจการทำงานของตับ” อย่างเด็ดขาด  เพื่อเป็นการเฝ้าระวังโรคอย่างมีสติ
<ul>
<li aria-level="1">ตรวจหาความเสี่ยงและความเสียหาย หรืออาการติดเชื้อที่เกี่ยวกับตับ</li>
<li aria-level="1">ตรวจหาความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตับ และความผิดปกติที่มีผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆ</li>
<li aria-level="1">ตรวจหาผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้ยา</li>
<li aria-level="1">ตรวจการทำงานของตับในผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเป็นโรคที่เกี่ยวกับตับ</li>
<li aria-level="1">ตรวจเพื่อติดตามอาการ และผลการรักษาโรคที่เกี่ยวกับตับ</li>
</ul>
<h2>ใครบ้างที่ควรตรวจการทำงานของตับ 
</h2>
ทุกคนควรเข้ารับการตรวจการทำงานของตับ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มบุคคลต่อไปนี้
<ul>
<li aria-level="1">ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ</li>
<li aria-level="1">ผู้ที่ทานยาที่ส่งผลต่อการทำงานของตับเป็นประจำ</li>
<li aria-level="1">ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นหรือเคยเป็นโรคที่เกี่ยวกับตับ</li>
<li aria-level="1">ผู้ที่มีความสงสัยว่าตนเองอาจได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบ</li>
<li aria-level="1">ผู้ที่พบว่าตนมีอาการของโรคทางตับ เช่น คลื่นไส้อาเจียน ภาวะตัวเหลือง (ภาวะดีซ่าน) อ่อนแรง ท้องบวม ขาบวม เป็นต้น</li>
</ul>
<h2>ไม่ตรวจ “ตับ”เสี่ยงโรคร้าย 
</h2>
ความผิดปกติของตับสามารถส่งผลร้ายต่อร่างกายคุณได้ไม่ยาก  และอาจมีโอกาสสูงที่จะเป็นโรคร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง รวมไปถึงโรคท่อน้ำดี
เราทุกคนจึงควรหมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ และใส่ใจสุขภาพของ “ตับ” ให้มากขึ้น  เพื่อให้ “ตับ” ได้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ  และช่วยรักษาความสมดุลของระบบต่างๆ ในร่างกาย เพื่อความแข็งแรงและการมีสุขภาพที่ดีไปอย่างยาวนาน
&nbsp;
นพ. อุดมรัช โกวิททวิพัฒน์ 
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรม 
ศูนย์ระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์

ตับเป็นอวัยวะภายในที่ใหญ่ที่สุด และมีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง เช่น สร้างน้ำดีเพื่อช่วยย่อยอาหาร ช่วยขจัดของเสียออกจากกระแสเลือด รวมถึงช่วยผลิตโปรตีนหลายชนิด

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล

ไม่ได้ดื่มหนัก ก็เสี่ยงโรคตับได้

Tel

Email

บริการ

บทความ

เกี่ยวกับเรา

สาขาโรงพยาบาล