
ความเจ็บปวดแผลหลังการผ่าตัดรักษาอาการนอนกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นปัญหาใหญ่ที่ผู้ป่วยต้องเผชิญ ผู้ป่วยต้องทนทุกข์ทนเจ็บปวดบาดแผล ทานอาหารและน้ำด้วยความยากลำบากเป็นเวลานานอย่างน้อย 3 สัปดาห์ และระยะฟื้นตัวนานกว่าจะหายเป็นปกติ จึงเป็นเหตุให้ผู้ป่วยจำนวนมากปฎิเสธ การรักษาโดยวิธีผ่าตัดอย่างสิ้นเชิง
ปัจจุบันศูนย์รักษากลิ่นปาก นอนกรน และทอนซิลด้วยเลเซอร์ รพ.พญาไท3 ได้พัฒนาเทคนิคใหม่ในการผ่าตัดรักษาอาการนอนกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เป็นการผ่าตัดรักษานอนกรนแบบเจ็บแผลน้อย ( Less painful snoreplasty ) นวัตกรรมนี้เรียกว่า " Modified Anterior Palatoplasty " ในการผ่าตัดวิธีนี้ จะไม่มีการตัดเนื้อเยื่อของเพดานอ่อน ซึ่งต่างจากเทคนิคเดิมๆ ทั้งหมด หากแต่ใช้ไหมเย็บยกกระชับเพดานอ่อนแทน และร่วมกับการสอดไหมชนิดพิเศษที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นไหมไม่ละลาย ( non absorbable thread ) ฝังไว้ในเพดานอ่อน 1-3 เส้น เพื่อให้เพดานอ่อนกระชับตึงตัวขึ้น นวัตกรรมการผ่าตัดนี้ สามารถใช้รักษาได้ผลดีกับอาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดไม่รุนแรง และเมื่อใช้การผ่าตัดเทคนิคนี้ ร่วมกับการผ่าตัดส่วนอื่นๆของจมูกและลำคอ เช่น LASER Turbinoplasty และ LASER Tonsilloplasty ก็จะสามารถรักษาอาการนอนกรน และภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดปานกลาง และ ชนิดรุนแรงได้
“ กล่าวโดยสรุป ” ประโยชน์ที่ผู้ป่วยจะได้รับจากนวัตกรรมการผ่าตัดรักษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับนี้ คือ
- ใช้รักษาอาการนอนกรน และ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบไม่รุนแรง
- เจ็บแผลน้อยมาก ( pain score 1-3 ) เพราะไม่มีการตัดเนื้อเยื่อเพดานอ่อน
- เสียเลือดน้อย ประมาณ 1-2 ซีซี
- นอนพักรักษาในโรงพยาบาลเพียง 1 วัน ก็กลับบ้านได้
- ฟื้นตัวเร็ว