“ต้อกระจก” โรคที่มาคู่กับผู้สูงวัยทุกยุคทุกสมัย ที่แม้ว่าจะเป็นการเสื่อมโดยธรรมชาติ แต่รู้ไหมว่ามีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เป็นโรคต้อกระจกเร็วขึ้น อย่างการมีโรคเบาหวานหรือความดันอยู่แล้ว และอาการหนึ่งของต้อกระจกก็คือ เมื่อคุณเริ่มมองไม่ชัดแม้อยู่ในที่ๆ มีแสงสว่างจ้า…มารู้จักโรคต้อกระจกกัน

เป็นโรคต้อกระจกแล้วตาจะบอดได้หรือป่าว

อาการหลักๆ ของโรคต้อกระจกคือ ตาค่อยๆ มัวอย่างช้าๆ มองเห็นไม่ค่อยชัด เมื่อใส่แว่นสายตาจะช่วยให้มองชัดขึ้นแต่ไม่ถาวรจะต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆ มองเห็นภาพซ้อน อาจจะมองเห็นฝ้าขาวบริเว ณกลางรูม่านตา และอาการที่ชัดเลยคือ จะมองไม่เห็นเมื่อมีแสงจ้าหรือแสงแดด หากทิ้งไว้นานและไม่ได้รับการรักษาจากจักษุแพทย์จะทำให้ตามัวมากขึ้น ยากต่อการรักษาและอาจเกิดต้อหินแทรกซ้อนและทำให้ตาบอดในที่สุดก็ได้

เมื่อรู้ว่าเป็นต้อกระจก…จะรักษาได้ยังไง

การรักษาโรคต้อกระจกจะทำโดยการผ่าตัดใส่เลนส์แก้วตาเทียมเข้าไป หลักๆ มีด้วยกัน 2 วิธีคือการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง(Ultrasound) สลายเลนส์ต้อกระจกเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วดูดออกมาโดยใช้ยาชาเฉพาะที่ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน และการรักษาด้วยการใช้เลเซอร์(Femto Laser Cataract) เป็นวิธีการรักษาแบบใหม่ ตัดเลนส์แก้วตาด้วยเลเซอร์และใช้คลื่นความถี่สูงสลายเลนส์แล้วดูดออกเหมือนวีธีแรก แต่อย่างไรก็ตามหากผู้ป่วยปล่อยให้อาการต้อกระจกเป็นหนักหรือต้อกระจกสุกมากๆ แล้วเพิ่งเข้ามารับการรักษาการผ่าตัดรักษาต้อกระจกด้วย 2 วิธีนี้อาจไม่ได้ผล จำเป็นต้องใช้ใบมีดในการผ่าเลนส์แก้วตาอันเก่าออกมา ทำให้มีแผลใหญ่และหายช้ากว่าวิธีเบื้องต้น

แล้วเราจะหลีกเลี่ยงต้อกระจกได้บ้างไหม

เรามีวิธีที่ทำให้เลนส์แก้วตาหรือกระจกตาเสื่อมช้าลงได้ ถ้าดูแลสุขภาพดวงตาให้ดีดี เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ สวมแว่นกันแดดเมื่อต้องออกแดด อย่าใช้สายตามากเกินไป ต้องพักสายตาบ้าง หากทำงานที่ต้องจ้องอะไรนานๆ อาจจะต้องพักสายตาทุก ๆ 1 ชั่วโมง และตรวจสุขภาพตาประจำปีหากคุณมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไปแล้ว เพื่อชะลอให้เลนส์แก้วตาเสื่อมช้าลง

มองไม่เห็นเมื่อมีแสงจ้า...อาการที่บอกว่าอาจต้องเตรียมผ่าต้อกระจก