เมื่อพูดถึงความอ่อนเยาว์ แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนนั้นให้ความสำคัญ ใครบ้างล่ะจะอยากแก่ ทุกคนล้วนอยากสวย อยากสาวกันทั้งนั้น ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ผู้หญิงเรามีเรื่องต้องกังวลใจมากมาย วันนี้เราจะพาไปคุยกับคุณหมอนักชะลอวัย พญ. ธิศรา วีรสมัย สูตินรีแพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย (American Board of Anti-aging Medicine) โรงพยาบาลพญาไท 1 จะมาบอกถึงปัญหาที่สาวๆ นั้นต้องกังวลให้ได้ทราบกัน

เมื่อพูดถึงการรักษาทางเวชศาสตร์ชะลอวัย คนไข้มักคาดหวังและนึกถึงผลลัพธ์ที่ทำให้อ่อนเยาว์ลง แก่ช้าลง ผิวพรรณผุดผ่อง เต่งตึง และไม่เหี่ยวย่น แต่ในความเป็นจริงหมอคาดหวังมากกว่านั้น เนื่องจากทฤษฎีแห่งความแก่และเสื่อมนั้น สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกระบบของร่างกาย ไม่ใช่แค่ผิวหนัง ซึ่งร่างกายคนเราจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยการควบคุมของสารคัดหลั่งที่เรียกว่า “ฮอร์โมน”

โดยปกติแล้วฮอร์โมนจะเริ่มลดลงเมื่อเข้าสู่อายุ 35 ปี และเกิดความเปลี่ยนแปลงกับร่างกาย เราจะรู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย นอนหลับยาก และที่เห็ดชัดที่สุดคือความเหี่ยวย่นของผิวหนัง และริ้วรอยที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังทำให้อ้วนง่ายอีกด้วย ไม่เพียงแค่ความอ่อนเยาว์เท่านั้น ความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนยังเกี่ยวเนื่องกับระบบต่างๆ ในร่างกาย ก่อให้เกิดความเสื่อมอย่างอื่นอย่างที่เรานึกไม่ถึงตามมาได้..

เมื่อฮอร์โมนและสารต้านอนุมูลอิสระลดลง..

ในแต่ละวันเราต้องเผชิญกับความเครียดมากมายทั้งงาน มลภาวะต่างจากบุหรี่ ควันรถ ฯลฯ ตลอดจนการนอนไม่หลับ หรือกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเหมือนคมหอกคมดาบที่ทิ่มแทงเราทุกวัน โดยในทางการแพทย์เรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “สารอนุมูลอิสระ” ซึ่งเมื่อสารนี้เข้ามาสู่ร่างกายก็จะยึดกับเซลล์ต่างๆ และก่อให้เกิดความเสื่อมได้ อันที่จริงร่างกายของเราก็มีสารต้านอนุมูลอิสระไว้คอยจัดการกับเจ้าสารอนุมูลอิสระเหล่านี้ แต่สารต้านอนุมูลอิสระจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น จึงทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่แย่ลง บวกกับฮอร์โมนที่ลดลงด้วยแล้ว ทำให้เกิดความเสื่อมต่างๆ ตามมา เช่น ปวดเมื่อย ปวดหลัง ปวดไหล่ รู้สึกอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย และมีริ้วรอยก่อนวัยอันควร

เพราะการรักษาไม่เพียงทำให้อาการหายแต่นั่นหมายถึง “คุณภาพชีวิต”

หมอขออนุญาตยกตัวอย่างคนไข้ท่านหนึ่งซึ่งมาขอพบด้วยปัญหาปวดศีรษะเรื้อรัง ตื่นมาทุกเช้าจะปวดบ่า ไหล่ และหลังส่วนบนอย่างมาก น้ำหนักตัวพุ่ง รู้สึกอ่อนแรงง่าย รู้สึกไม่สดชื่น ไม่มีแรง นอนหลับไม่สนิท แถมยังหลงๆ ลืมๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตรวจหาสาเหตุมาแล้วแต่ไม่พบความผิดปกติใดๆ หมอจึงได้ตรวจเลือดเพื่อประเมินภาวะเสื่อมของร่างกาย ทั้งระดับฮอร์โมน สารต้านอนุมูลอิสระ สารบ่งอักเสบ และสารบ่งชี้มะเร็ง โดยผลการตรวจพบความไม่สมดุลของฮอร์โมนในระดับที่รบกวนการเผาผลาญของร่างกาย ระบบการทำงานของต่อมไร้ท่อผิดปกติจากสารอนุมูลอิสระที่ได้รับสะสมมาโดยตลอด
จากการซักประวัติทำให้ทราบว่าคนไข้มีความเครียด ไม่ได้ออกกำลังกาย นอนดึก แถมยังของทอด ของมัน และชอบรสหวานมาก สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นต้นตอแห่งสารอนุมูลอิสระทั้งสิ้น โดยการรักษาเริ่มขึ้นด้วยการอธิบายผลตรวจทั้งหมดอย่างละเอียด จากนั้นปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ทั้งอาหาร การนอน การออกกำลังกาย และระบบความคิด ใช้แนวปฏิบัติที่เรียกว่า “Personalized design”

โดยการการให้ฮอร์โมน สารอาหารและวิตามินอันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ผลิตมาเฉพาะปัญหาของคนไข้ เรียกว่า “Personalized Hormone & Supplements” ที่ผลิตมาเฉพาะบุคคลเท่านั้น จนคนไข้อาการดีขึ้นตั้งแต่เดือนแรก อาการปวดศีรษะ ปวดบ่าไหล่หายไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แถมนอนหลับได้สนิท ตื่นมาอย่างสดชื่นและพร้อมจะไปทำงานโดยไม่รู้สึกเพลียหรือเหนื่อยแถมอารมณ์ก็ไม่หงุดหงิดเหมือนเดิม

“การดูแลคนไข้ทางด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยไม่เพียงแค่ได้รักษาคนไข้จนหาย แต่ยังสามารถช่วยให้เขาเหล่านั้นปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตไปในทิศทางที่ดีต่อสุขภาพกายและใจ ในทางที่ชะลอความเสื่อมของเซลล์ และความแก่ของร่างกายจนปรากฏให้เห็นผิวพรรณที่ผ่องเปล่งปลั่ง รูปร่างที่กระชับ กล้ามเนื้อที่แข็งแรง อารมณ์ที่แจ่มใส และสติปัญญาที่ฉับไว จนอยากจะเรียกว่า “ชะลอวัย เปลี่ยนชีวิต” จริงๆ”

พญ. ธิศรา วีรสมัย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย
ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 1

คุยกับคุณหมอนักชะลอวัย...ปัญหาไหนที่สาวๆ ต้องกลัว!