เด็กที่มีอาการสมองพิการ (Cerebral Palsy – CP) จะมีปัญหาค่อนข้างซับซ้อนแตกต่างกันไปในแต่ละราย โดยเฉพาะในด้านการเคลื่อนไหว อาการแข็งเกร็ง หากพ่อแม่สังเกตเห็นความผิดปกติของลูก ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
กลุ่มอาการแข็งเกร็งที่พบในเด็กสมองพิการ
- กลุ่มอาการที่ 1 การแข็งเกร็งท่อนล่างที่ขาทั้ง 2 ข้าง (ตัดข้างใดข้างหนึ่งออก)
- กลุ่มอาการที่ 2 การแข็งเกร็งทั้ง 4 รยางค์ของร่างกาย คือ แขนและขา ทั้ง 2 ข้าง โดยมักเกร็งที่ขามากกว่าแขน
- กลุ่มอาการที่ 3 การแข็งเกร็งครึ่งซีก ด้านซ้ายหรือด้านขวา
ระดับความรุนแรงของอาการแข็งเกร็งในเด็กสมองพิการ (Gross Motor Function Classification System; GMFCS)
- ระดับที่ 1 ร่างกายมีความผิดปกติเล็กน้อย เช่น ที่แขน ขา เด็กยังสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติ ไม่ต้องใช้เครื่องพยุงเดิน
แนวทางการรักษา : ฝึกกายภาพบำบัด และกิจกรรมบำบัดเพื่อส่งเสริมให้เด็กเคลื่อนไหวได้ใกล้เคียงปรกติมากที่สุด
- ระดับที่ 2 การเคลื่อนไหวมีความผิดปกติเล็กน้อย เคลื่อนไหวลำบากมากขึ้น การขึ้น-ลงบันไดทำได้ยากขึ้น อาจต้องใช้เครื่องพยุงเดินในระยะทางไกลขึ้น เช่น เดินออกนอกบ้าน
แนวทางการรักษา : ฝึกกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัด เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ลดอาการเกร็ง และฝึกการเคลื่อนไหว
- ระดับที่ 3 เด็กมีอาการเกร็ง ร่างกายอ่อนแรง ต้องใช้เครื่องพยุงเดิน ไปไหนไกลต้องนั่งวีลแชร์
แนวทางการรักษา : ฝึกกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัด ลดการเกร็งด้วยอุปกรณ์พิเศษเฉพาะส่วน
- ระดับที่ 4 เด็กไม่สามารถยืน เดิน หรือเข็นวีลแชร์ได้ด้วยตัวเอง
แนวทางการรักษา : ฝึกกายภาพบำบัดและกิจกกรรมบำบัด เน้นฝึกนั่งทรงตัว ยืนเพื่ออกกำลังกาย ส่งเสริมการช่วยเหลือตนเองเบื้องต้น
- ระดับที่ 5 ร่างกายอ่อนแรง และเกร็งมากขึ้น สามารถช่วยเหลือตัวเองได้น้อยหรือไม่ได้เลย ต้องอาศัยการดูแลอย่างใกล้ชิด
แนวทางการรักษา : ฝึกกายภาพบำบัดและกิจกรรมบำบัด เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน การจัดท่านอนบนเตียง การพลิกตัว และการยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
วางแผนการทำกายภาพบำบัด…ในรูปแบบรายบุคคล
เพราะระดับอาการของเด็กสมองพิการมีความแตกต่างกัน จึงต้องใช้ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์สหสาขาวิชาชีพร่วมกันดูแล พร้อมประเมินความสามารถของเด็กแบบรายบุคคล เพื่อกำหนดเป้าหมายของการรักษาตามอาการอย่างเป็นขั้นตอน โดยให้ข้อมูลกับพ่อแม่ได้รับรู้ระดับอาการของเด็ก และโอกาสที่จะบรรลุเป้าหมายของการรักษา ร่วมกับการให้ความรู้จากนักกายภาพบำบัดมืออาชีพอย่างถูกต้อง เพื่อให้พ่อแม่นำกลับไปดูแลเด็กที่บ้านอย่างปลอดภัย ในส่วนการทำกายภาพบำบัดจะมีทั้งระยะ Intensive Care และ Long Term Care ตามความเหมาะสมในระดับอาการของเด็ก
พัฒนาการด้านร่างกายของเด็กควรเติบโตไปพร้อมกับสุขภาพจิตใจที่ดี การดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ การให้ความอบอุ่นและกำลังใจ คือสิ่งที่ช่วยผลักดันให้เด็กมีความพร้อมในการรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้เด็กมีคุณภาพชีวิตดีที่สุดตามความสามารถ และลดความวิตกกังวลในการปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตทางสังคมร่วมกับผู้อื่น
นพ. พิษณุ สุนทรปิยะพันธ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูหัวใจ
ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพญาไท 2