การทำบอลลูนในกระเพาะอาหาร หรือ gastric balloon คือการใส่บอลลูนเข้าไปในกระเพาะอาหารด้วยการใช้เทคนิคการส่องกล้อง แล้วใส่น้ำเกลือเข้าไปในบอลลูนให้ขยายตัวขึ้น ซึ่งจะทำให้กระเพาะรับอาหารได้น้อยลง ทำให้คนไข้รู้สึกอิ่มตลอดเวลา วิธีนี้จะใช้ในการรักษาคนไข้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน ช่วยในการลดน้ำหนัก ซึ่งเหมาะกับลดน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมโดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และใช้ระยะเวลาในการใส่บอลลูนประมาณ 6-12 เดือน หรือในกรณีน้ำหนักลดลงจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว ก็สามารถเอาบอลลูนออกได้เลย (ไม่ได้ใส่ตลอดชีวิต)
การทำบอลลูนในกระเพาะอาหารเหมาะกับใคร?
คนที่มีภาวะน้ำหนักเกิน ค่า BMI เกิน 27 และมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น การนอนกรน การหยุดหายใจขณะหลับ อาการปวดเข่า เข่าเสื่อม โรคเบาหวาน
ผู้ที่ไม่ควรทำบอลลูนในกระเพาะอาหาร คือใคร?
- สตรีตั้งครรภ์หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์
- มีความผิดปกติในหลอดอาหารทำให้ส่องกล้องลงไปไม่ได้ เช่น หลอดอาหารตีบตัน รั่ว ได้รับอุบัติเหตุกับหลอดอาหาร
- มีความผิดปกติในกระเพาะ เป็นแผลในกระเพาะ ตกเลือดในกระเพาะ มีภาวะกรดไหลย้อนอย่างรุนแรง
- มีภาวะอื่นๆ เช่น ภาวะเลือดออกง่าย เลือดแข็งตัวยาก แพ้ยางซิลิโคน หรือโรคประจำตัวรุนแรง เช่น โรคติดเชื้อในกระแสเลือด ปอดติดเชื้อ ติดเชื้อในช่องท้อง
ประโยชน์ของการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- สามารถลดอาการเสี่ยงจากโรคที่เกี่ยวกับภาวะน้ำหนักเกิน เช่น เบาหวาน ความดันสูง ข้อเข่าเสื่อม คอเลสเตอรอลในเลือดสูง
- เมื่อน้ำหนักลดลง ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีรูปร่างที่ดีขึ้น มีความมั่นใจ ส่งผลให้สุขภาพจิตดีขึ้นด้วย
ขั้นตอนการใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- ตรวจร่างกายเบื้องต้นว่าคนไข้พร้อมที่จะรับการรักษาหรือไม่
- งดรับประทานอาหารมาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และงดน้ำอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนทำการใส่บอลลูน
- ให้ยานอนหลับกับคนไข้ (*ไม่ใช้ยาสลบ)
- ส่องกล้องลงไปทางหลอดอาหารจนถึงกระเพาะ แล้วนำบอลลูนลงไปในตำแหน่งที่เหมาะสม
- ใส่น้ำเกลือเข้าไปในบอลลูนเพื่อให้ขยายกระเพาะ โดยปกติจะใส่น้ำเกลือประมาณ 350-500 CC
ผลข้างเคียงหลังใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- ในช่วง 1-3 วันแรก คนไข้อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด เบื่ออาหาร และรู้สึกอิ่มตลอดเวลา
- รับประทานอาหารได้น้อยลง เพราะตัวบอลลูนช่วยให้ความอยากอาหารลดลง
- ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ แต่สามารถออกกำลังกายแบบเบาๆ ได้
การปฏิบัติตัวหลังใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร
- แนะนำให้พบแพทย์ หลังเข้ารับการรักษา 1 สัปดาห์ เพื่อติดตามผลการรักษา และควรพบแพทย์ทุก 4-6 เดือน ในกรณีที่น้ำหนักยังไม่ลดเป็นที่พอใจ แพทย์สามารถแนะนำให้เพิ่มขนาดบอลลูนได้อีก 100-200 CC
- บอลลูน สามารถเกิดการรั่วซึมได้ ดังนั้นจึงต้องคอยสังเกตสีของปัสสาวะอยู่เสมอ
- ควบคุมอาหาร เพื่อให้การลดน้ำหนักได้ผลมากยิ่งขึ้น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างรวดเร็ว
การใส่บอลลูนในกระเพาะอาหาร สามารถช่วยให้น้ำหนักลดลงได้ แต่ต้องมีการควบคุมการรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้การลดน้ำหนักมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น