ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็จะกังวลกับการที่ลูกหลานต้องฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19 ที่เริ่มมีการแนะนำให้เด็กๆ ได้รับวัคซีนชนิด mRNA (Pfizer หรือ Moderna) เพราะกลัวว่าจะมีอาการแทรกซ้อนหลังการฉีดวัคซีน ซึ่งก็คือ โรคกล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ โดยมักพบในเด็กวัยรุ่น และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง แม้จะพบจำนวนไม่มากและอาการข้างเคียงไม่รุนแรงนักก็ตาม
ภาวะโรคกล้ามเนื้อหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เกิดขึ้นไม่มากนัก
มีเด็กจำนวนน้อยมาก ที่อาจมีผลข้างเคียงจนถึงต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลจากภาวะโรคกล้ามเนื้อหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ส่วนตัวเลขจำนวนเด็กที่ต้องเสียชีวิต หรือมีผลระยะยาวต่อกล้ามเนื้อหัวใจนั้นยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจน
ซึ่งจากรายงานหลายๆ ชิ้นล่าสุด อาจทำให้ผู้ปกครองกังวลมากขึ้น แต่เมื่อคิดถึงความจำเป็น รวมทั้งข้อดีและข้อเสียแล้ว ทาง CDC หรือศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ ก็ยังแนะนำให้ฉีดวัคซีนในเด็ก ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ก็ให้เริ่มฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปีแล้ว เพื่อให้การหยุดยั้งการระบาดของโรคนี้มีความหวังมากขึ้น
อาการและการรักษา ภาวะโรคกล้ามเนื้อหัวใจ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
กรณีที่สงสัยว่าเด็กจะเกิดภาวะโรคกล้ามเนื้อหัวใจ และ-หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถสังเกตอาการต่างๆ ของเด็กได้ดังต่อไปนี้
- เจ็บหน้าอก โดยเฉพาะด้านซ้าย
- ใจสั่น
- หายใจลำบาก และอาจเจ็บหน้าอกตอนหายใจ
- เหนื่อยง่าย
- ปวดศีรษะ เวียนศรีษะ
- หน้ามืด จะเป็นลม
- คลื่นไส้ อาเจียน
แต่ทั้งนี้ ก็มีเด็กจำนวนมากที่ไม่มีอาการแสดงเหล่านี้ หรืออาการแสดงน้อย จนถึงปัจจุบันจึงยังไม่ทราบอุบัติการณ์ที่แน่นอนว่ามีเด็กจำนวนเท่าไร ที่เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบหลังการฉีดวัคซีนชนิดนี้ (mRNA) รวมถึงวัคซีน Covid-19 ชนิดไวรัลเวคเตอร์ (Viral vector vaccine) เช่น AstraZeneca) ด้วย
ดังนั้น หลังฉีดวัควีน Covid-19 หากพบความผิดปกติ ผู้ปกครองควรพาลูกมาตรวจโดยเร็ว เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ และทำการรักษาต่อไป