คุณเคยพบหรือไม่? คนที่มีอารมณ์แปรปรวน อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย… อย่าคิดว่านี่คือเรื่องปกติ และถ้าเขาคนนั้น…คือคนใกล้ชิดหรือคนรู้จัก ควรแนะนำหรือหาทางให้เขาได้ไปพบแพทย์ เพราะอาการที่เขาเป็นอยู่นั้นอาจบ่งชี้ได้ว่ามีภาวะ “โรคอารมณ์สองขั้ว” หรือที่รู้จักกันดีว่า “โรคไบโพลาร์” นั่นเอง
“ไบโพลาร์”…โรคนี้ที่คุ้นหู
โรคอารมณ์สองขั้ว หรือ โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder) คือโรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ โดยมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์สองแบบที่ต่างกันสุดขั้วสลับไปมา ระหว่างช่วงที่อารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ (Mania) กับ อารมณ์ซึมเศร้าผิดปกติ (Depression) โดยในแต่ละช่วงอารมณ์อาจอยู่นานเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน โดยสามารถมีช่วงอารมณ์ปกติคั่นกลางได้
นี่ใช่ไหม? ที่เรียก “ไบโพลาร์”
ผู้ป่วยไบโพลาร์จะมีอารมณ์แปรปรวนสลับกัน โดยไม่ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ใดๆ ดังนี้
ช่วงที่ผู้ป่วยมีภาวะอารมณ์ดีหรือก้าวร้าวผิดปกติ
- มักคิดว่าตนเองสำคัญ มั่นใจในตัวเองมากขึ้น
- นอนน้อยกว่าปกติมาก โดยไม่มีอาการเพลียหรือต้องการนอนเพิ่ม
- คิดเร็ว พูดเร็ว พูดมากกว่าปกติ
- ทำกิจกรรมหลายๆ อย่างในช่วงเวลานั้น
- ภาวะในการตัดสินใจไม่ดี มีความผิดพลาดสูง เช่น ใช้เงินฟุ่มเฟือย ขาดความยับยั้งใจในเรื่องเพศ
- โต้ตอบต่อสิ่งเร้าอย่างรวดเร็วและรุนแรง หงุดหงิดง่าย โกรธง่าย ไม่มีเหตุผล
ช่วงที่ผู้ป่วยมีภาวะอารมณ์ซึมเศร้าผิดปกติ
- มีอาการซึมเศร้า เก็บตัว เสียใจง่าย ร้องไห้ง่าย
- มีปัญหาด้านการนอน นอนไม่หลับ หรือนอนหลับมากเกินไป
- มีปัญหาด้านการกิน กินมากเกินไป หรือกินน้อยเกินไป
- สมาธิลดลง ไม่สามารถจดจำสิ่งต่างๆ ได้
- วิตกกังวลต่อสิ่งรอบตัว มองโลกในแง่ร้าย
- รู้สึกเบื่อ ท้อแท้ สิ้นหวัง ไม่สนใจกิจกรรมต่างๆ
- รู้สึกผิดหวัง ไม่มีความสุข มีความคิดเรื่องการตายอยู่เรื่อยๆ
“ไบโพลาร์”… เกิดจากสาเหตุใดได้บ้าง
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิด “โรคไบโพลาร์”
- ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง
ได้แก่ สารอะดรีนาลีน สารเซโรโทนิน และสารโดปามีน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของการทำงานในส่วนต่างๆ ของสมองที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ - ทางพันธุกรรม
พบว่าผู้ที่มีบุคคลในครอบครัวป่วยด้วยโรคนี้ หรือโรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคไบโพลาร์สูงกว่าคนทั่วไป - สภาพแวดล้อม
การเลี้ยงดูในวัยเด็กหรือวิกฤตในชีวิตที่ผู้ป่วยต้องเผชิญ เช่น ความผิดหวัง ความเสียใจ การเจ็บป่วย หรือความเครียดสะสม สิ่งต่างๆ เหล่านี้กระทบกระเทือนต่อสภาพจิตใจทั้งสิ้น
“ไบโพลาร์” มีวิธีรักษา
แม้ว่า “โรคไบโพลาร์” ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาได้ตามอาการ และสามารถควบคุมอาการให้มีผลต่อผู้ป่วยน้อยที่สุดได้
- การรักษาด้วยยา
ใช้ยาเพื่อปรับสารสื่อประสาทในสมองให้กลับสู่สภาวะปกติ ทำให้อารมณ์มั่นคง สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ดีขึ้น แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแต่ผู้ป่วยห้ามหยุดยาเอง ต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด และมาพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษาอย่างสม่ำเสมอ หากผู้ป่วยกังวลเรื่องผลข้างเคียงของยา สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ปรับยาให้เฉพาะบุคคลอย่างเหมาะสม - การรักษาด้วยจิตบำบัด
การรักษาด้วยไฟฟ้า หรือ Electroconvulsive Therapy เรียกสั้นๆ ว่า ECT เป็นการใช้กระแสไฟฟ้าไปกระตุ้นให้สารสื่อนำประสาทภายในสมองกลับมาทำงานโดยปกติ เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง มีความจำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนเพื่อควบคุมอาการให้สงบลง
เราไม่มีทางรู้เลยว่า ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมานั้น ใครบ้างที่กำลังป่วยอยู่?… เราจะเห็นได้ว่านอกจากสารเคมีในสมองที่ผิดปกติจะเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดโรคแล้ว คนใกล้ชิด คนรู้จัก ล้วนมีส่วนที่ทำให้สภาพจิตใจของเขาเหล่านั้นดีขึ้นหรือแย่ลงได้ด้วยเช่นกัน
ถนอมคำพูด ถนอมน้ำใจ รักษาความรู้สึกของกันและกันให้ดี… เพื่อไม่ให้ “ใคร” ก็ตาม ต้องตกอยู่ในภาวะ “ไบโพลาร์”