แม้ว่าหลายๆ ท่านจะพยายามดูแลตัวเองให้ดูสดใสอ่อนวัยด้วยหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกรับประทานอาหารที่ดี ออกกำลังกาย หรือใช้ครีมบำรุงต่างๆ มาช่วย แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปวิธีดังกล่าวก็ไม่เพียงพอที่จะดูแลความอ่อนเยาว์ที่ผ่านวันคืนนั้นไว้ได้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงรูปหน้า ที่ที่ซึ่งใครๆ มักจะสังเกตเห็นได้ก่อน จนส่งผลต่อความมั่นใจในใครบางคน การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจึงเป็นการดูแลที่ได้ผลลัพธ์อย่างที่ต้องการ เหมาะสมเฉพาะคน และมีความปลอดภัยที่ไว้ใจได้
การยกกระชับผิวหน้าด้วยการทำ Ulthera คืออะไร?
Ulthera เป็นนวัตกรรมในการเปลี่ยนแปลงความหย่อนคล้อยและลดริ้วรอย โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound) ส่งคลื่นพลังงานไปสร้างความร้อนที่อุณหภูมิ 65-70 องศาเซลเซียส (°C) ตรงไปที่ชั้นผิวหนังที่เรียกว่าชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวเดียวกันกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า การส่งคลื่นพลังงานความร้อนของ Ulthera นี้จะมีลักษณะเป็นจุด (Micro dots) เรียงตัวเป็นแถว มีระยะห่างระหว่างจุดเพียง 1 มิลลิเมตร นั่นทำให้การส่งคลื่นพลังงานมีความละเอียด ครอบคลุมบริเวณที่ต้องการได้เป็นอย่างดี
คลื่นอัลตร้าซาวด์ทำงานอย่างไรกับผิวหน้าและคอลลาเจน
ความร้อนจากคลื่นอัลตร้าซาวด์จะทำให้ เส้นใยคอลลาเจนในผิว ชั้น SMAS ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวหน้า ‘เกิดการหดตัว’ และกลับมา ‘เรียงตัวแน่นกระชับเข้าหากัน’ อีกครั้ง พร้อมกันนี้ความร้อนจากคลื่นพลังงานจะทำให้เกิดกระบวนการในการผลัดเซลล์เก่าที่เสื่อมสภาพออกไป และทำให้เซลล์ผิวที่ผลัดขึ้นใหม่มีความกระจ่างใส ไม่หมองคล้ำ เสริมให้ผิวดูสุขภาพดี และเรียบเนียนขึ้นจากเดิม
ซึ่งทั้งหมดนี้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทั้งจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S.FDA.) รวมถึงองค์การอาหารและยา (อย.) ของไทยด้วย เรียกได้ว่าเป็นการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องทำการผ่าตัดเหมือนอย่างที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ไม่ต้องมีช่วงเวลาในการพักฟื้นตัวหลังทำการรักษาที่ยาวนาน
Ulthera ยังแก้ปัญหาริ้วรอยได้ด้วย
Ulthera นอกจากจะเข้ามาช่วย ‘แก้ไขปัญหารูปหน้าใหญ่ หย่อนคล้อย ให้ดูกระชับได้สัดส่วน’ แล้ว ยังสามารถเข้ามาแก้ปัญหาในบริเวณอื่นๆ ของใบหน้าได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอยรอบดวงตา ปัญหาหนังตาตก และถุงใต้ดวงตา ทั้งยังสามารถ ลดเหนียงใต้คาง ลดริ้วรอยลำคอ และเลยไปบริเวณเนินอกให้ดูกระชับอ่อนวัยได้ด้วย
S-P-T 3 ขั้นตอนเพื่อแก้ปัญหาผิว
จากเหตุผลที่ว่า ลักษณะผิวและรูปร่างเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล เพื่อให้การแก้ไขฟื้นฟูได้อย่างตรงจุด และได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่ง Ulthera ได้ออกแบบเครื่องมือและขั้นตอนการรักษาไว้เป็น 3 ขั้นตอน โดยเรียกแต่ละขั้นตอนเพื่อให้เข้าใจง่ายว่า S-P-T หรือ Ulthera SPT
- S หรือ See คือ การมองเห็นลักษณะชั้นและปัญหาผิว ด้วยการทำงานของ Real-time Visualization ผ่านหน้าจอ Ulthera นั่น ทำให้แพทย์สามารถค้นหา (Scan) ความลึกของชั้นผิว SMAS ได้อย่างชัดเจนและส่งคลื่นพลังงานให้ตรงจุด ช่วยลดปัญหาในส่งพลังงานไปในบริเวณที่ไม่ต้องการ เช่น บริเวณเส้นประสาทที่อาจทำให้เกิดปัญหาข้างเคียง หรือปัญหาชั้นผิวหนัง อย่างเช่น ชั้นผิว SMAS อยู่ลึกเกินไปจนไม่สามารถส่งพลังงานไปถึง
- P หรือ Plan คือ การวางแผน เมื่อแพทย์ได้เห็นชั้นผิว และข้อมูลอื่นๆ ของคนไข้อย่างชัดเจนแล้ว ก็ทำการวิเคราะห์ และวางแผนการรักษา รวมถึงให้คำแนะนำอื่นๆ ทั้งระหว่างและหลังการทำการรักษาด้วย
- T หรือ Treat คือการรักษา โดยขั้นตอนนี้ เริ่มจากการทายาชาบนบริเวณที่จะทำการรักษา และวาดตำแหน่งการปล่อยพลังงาน แพทย์จะใช้ Ulthera Scan ในการค้นหาชั้นผิวหนัง SMAS เพื่อเลือกเครื่องมือในการปล่อยคลื่นพลังงานให้ตรงกับความลึก ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ความลึก 4.5 มิลลิเมตร แต่หากคนไข้มีชั้นผิว SMAS ที่แตกต่างไป Ulthera ก็มีเครื่องมือที่ส่งพลังงานลงไปในความลึก 1.5 และ 3 มิลลิเมตรของผิวไว้ปรับเปลี่ยนด้วย ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้จะใช้เวลานาน 2-3 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนไลน์ที่ใช้ในการรักษา และความชำนาญของแพทย์
2-1-3 รหัสการฟื้นตัว หลังทำ Ulthera
ภายหลังการรักษาด้วย Ulthera คนไข้จะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวในทันที แต่ระยะเวลาในการแสดงผลนั้นจะเป็นไปตามรหัส 2-1-3
- 2 คือ 2 วันหลังทำ จะมีอาการปวด บวมได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และอาการจะค่อยๆ หายเองภายใน 7 วัน ซึ่งในช่วงนี้ยังสามารถแต่งหน้าได้ แต่คงต้องงดเว้นการนวดหน้าไว้สักนิด เพราะอาจจะไปสร้างการอักเสบบนใบหน้าได้
- 1 คือ 1 เดือนหลังทำ บริเวณที่ทำ Ulthera จะเริ่มผุดผ่องขึ้น เพราะเป็นช่วงที่ผิวกำลังสร้างคอลลาเจนขึ้นใหม่ และ…
- 3 คือ 3 เดือนหลังจากทำ จะเป็นช่วงที่คอลลาเจนสร้างเสร็จสมบูรณ์ รูปหน้าจะยกกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่แพทย์จะนัดเข้ามาเพื่อดูผลการรักษาตามระยะ ส่วนผลการรักษาจะอยู่ได้นาน 1 ปี ถึง 1 ปีครึ่ง
ใครบ้างที่ ‘ไม่เหมาะ’ กับการทำ Ulthera
สำหรับบางกรณี แพทย์อาจไม่แนะนำให้ ‘ทำ Ulthera’ เนื่องจากจะมีผลข้างเคียงตามมา เช่น
- คนไข้ที่มีการใช้ยารักษาเบาหวาน
- คนไข้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (SLE)
- คนไข้ที่มีสิวอักเสบเรื้อรังบนใบหน้าที่ค่อนข้างมาก
ซึ่งแพทย์อาจจะแนะนำให้ทำอย่างอื่นแทน เนื่องจากการทำ Ulthera อาจไปกระตุ้นการอักเสบได้ ดังนั้น หากท่านใดมีความประสงค์ที่จะทำ Ulthera คงต้องเริ่มต้นจากการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อได้รับคำแนะนำและการบริการที่เหมาะสม
