5 สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ เพื่อการรับมือโรคลิ้นหัวใจรั่ว

5 สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ เพื่อการรับมือโรคลิ้นหัวใจรั่ว

โรคลิ้นหัวใจรั่ว เป็นโรคที่มีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต หลายคนมีอาการรุนแรงโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ดังนั้นแนวทางการป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสุขภาพหัวใจอย่างสม่ำเสมอ

1. โรคลิ้นหัวใจรั่ว คืออะไร?

โรคลิ้นหัวใจรั่ว (Heart Valve Regurgitation) เป็นอาการของความผิดปกติบริเวณลิ้นหัวใจในลักษณะที่ลิ้นหัวใจปิดไม่สนิท เกิดรูรั่วหรือรอยขาด ทำให้เกิดปัญหาเลือดไหลย้อนกลับ ส่งผลให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อให้สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เพียงพอ ผู้ป่วยจะไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันต่างๆ ได้เต็มที่เพราะมักมีอาการเหนื่อยง่าย และยังนำไปสู่อาการหัวใจล้มเหลวได้ด้วย

2. สาเหตุที่ทำให้เกิดลิ้นหัวใจรั่ว มี 3 ประการสำคัญ 

1. สาเหตุจากพันธุกรรม อาจเป็นตั้งแต่เกิด หรืออาจมีอาการเมื่อโตขึ้น
2. สาเหตุจากอาการแทรกซ้อนจากโรคอื่นๆ

  • ภาวะติดเชื้อ ตัวอย่างเช่น ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียในลำคอหรือทางเดินหายใจ มักพบในเด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีปัญหาภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย และเกิดปัญหาลิ้นหัวใจรั่วตามมา หลอดเลือดหัวใจตีบมักเป็นอาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันสูง ผู้ที่สูบบุหรี่่จัด ผู้สูงอายุ หรือเกิดจากพันธุกรรม

3. สาเหตุจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ที่ทำให้เกิดความเสื่อมสภาพของเนื้อเยื่อของลิ้นหัวใจ หรือเกิดหินปูนเกาะบริเวณลิ้นหัวใจ ทำให้การเปิดหรือปิดของลิ้นหัวใจผิดปกติ

3. ผู้ที่มีความเสี่ยงจะเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว คือใครบ้าง?

1. มีคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่ว
2. กลุ่มคนที่ติดเชื้อได้ง่าย เช่น เด็กอายุน้อยๆ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบกพร่อง
3. กลุ่มเสี่ยงกับภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบอันเนื่องมาจากอายุ มักพบในเพศชายที่อายุมากกว่า 40 ปี หรือเพศหญิงที่อายุมากกว่า 50 ปี รวมทั้งผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หรืออาจเกิดร่วมกับปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างการเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง การสูบบุหรี่ และจากพันธุกรรม

4. ลักษณะอาการลิ้นหัวใจรั่ว 

อาการของโรคนี้มักไม่รุนแรง แต่หากไม่ได้รับการตรวจพบหรือรักษาอย่างถูกต้อง อาการอาจลุกลามมากขึ้นจนถึงขั้นรุนแรง เนื่องจากลิ้นหัวใจเกิดความเสื่อมตามอายุที่มากขึ้นด้วย ส่งผลให้รู้สึกเหนื่อยง่ายแม้เคลื่อนไหวไม่มาก บางรายอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตเนื่องจากเกิดอาการหัวใจล้มเหลว

5. การป้องกันโรคลิ้นหัวใจรั่ว

การแสดงอาการของลิ้นหัวใจรั่วมักค่อยๆ แสดงอาการ ดังนั้นหากพบ อาการใจสั่น เจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยง่าย เท้าบวม หรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง แนะนำให้เข้าตรวจสุขภาพร่างกายทุกปี หมั่นดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนักตัว และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดการกินหวาน มัน เค็ม

เพราะสุขภาพคือเรื่องสำคัญ ดังนั้นอย่ารอให้เกิดอาการของโรค แต่ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี เพราะการพบความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ได้เร็ว ก็จะเกิดการป้องกันหรือการรักษาที่ไวขึ้น ดีกว่าไปพบอาการของโรคเมื่อเกิดการลุกลามและรุนแรงขึ้นแล้ว ซึ่งจะทำให้รักษายาก หรือเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

 

นพ. ชยุต ชีวะพฤกษ์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด
ศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




บทความแนะนำ

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัดลิ้นหัวใจ

พญาไท นวมินทร์

ก่อนเข้ารับการผ่าตัดลิ้นหัวใจ ผู้ป่วยจะต้องรักษาโรคทางทันตกรรมเพื่อป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ งดยาตามที่แพทย์แนะนำ และต้องแจ้งประวัติการแพ้ยาให้แพทย์ทราบล่วงหน้า

ออกกำลังกายอยู่ดี ๆ หัวใจเต้นผิดจังหวะอันตรายหรือเปล่า

พญาไท นวมินทร์

ออกกำลังกายอยู่ดี ๆ แล้วรู้สึกใจสั่น หัวใจเต้นแรง หรือเต้นผิดจังหวะ อาจไม่ใช่เพราะว่าออกแรงมากเกินไป แต่อาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่ควรระวัง หากมีอาการร่วม เช่น หน้ามืด เหนื่อยผิดปกติ หรือแน่นหน้าอก ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจหรือทดสอบหัวใจขณะออกกำลังกายเพื่อความมั่นใจก่อนออกแรงอีกครั้ง

โรคหัวใจ...ป้องกันและรักษาได้ หากให้ความสำคัญ กับ “การตรวจสุขภาพ”

พญาไท นวมินทร์

เจ็บหน้าอกไม่ใช่อาการโรคหัวใจเพียงหนึ่งเดียว บางรายชอบเวียนหัว หน้ามืด คล้ายน้ำในหูไม่เท่ากัน หรือท้องอืด แต่พบว่าเป็นโรคหัวใจ ดังนั้นการตรวจสุขภาพหัวใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

หัวใจเต้นผิดจังหวะ...ภาวะนี้อันตรายอย่างไร ?

พญาไท นวมินทร์

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นมีระดับความรุนแรงของโรคต่างกันออกไป หากไม่เคยตรวจหัวใจหรือปล่อยไว้ไม่รักษาจนโรคเข้าสู่ระดับที่รุนแรง อาจเกิดหัวใจวายหรือหัวใจหยุดเต้น และนำไปสู่การเสียชีวิตได้