น้ำวุ้นตา หรือ vitreous เป็นสารใสคล้ายเจลอยู่ภายในลูกตาส่วนหลัง ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้แสงผ่าน ให้สารอาหารแก่จอประสาทตา และเซลล์ผนังลูกตาชั้นใน และยังช่วยพยุงลูกตาให้คงรูปเป็นทรงกลม ตัวการสำคัญที่ทำให้น้ำวุ้นตาเสื่อม คืออายุที่มากขึ้น ส่วนมากจะพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากน้ำวุ้นตาจะมีการหดตัว และหนาตัวเป็นจุด หรือเป็นเส้นภายในลูกตา การหดตัวของน้ำวุ้นตานี้จะทำให้น้ำวุ้นตาแยกห่างออกจากจอประสาทตา รวมกันเป็นกลุ่มก้อนที่มีลักษณะทึบแสง ทำให้เห็นเป็นเงาเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการเกิดอุบัติเหตุทางตา บริเวณศีรษะ หรือมีการอักเสบในลูกตา จะทำให้น้ำลูกตาเสื่อมเร็วกว่าปกติได้ และผู้ที่มีภาวะสายตาสั้นมากๆ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำวุ้นลูกตาเสื่อมเร็วกว่าปกติได้
วิธีสังเกตว่าน้ำวุ้นตาเสื่อม
อาการที่พบได้บ่อยๆ คือจะเห็นเป็นเงาทอดไปยังจอตา เจ้าตัวจะรับรู้ได้ว่ามีอะไรลอยไปมา บางครั้งอาจรู้สึกเหมือนมีแมลงบินอยู่ข้างหน้า อาจเห็น หรืออาจหายไป แต่จะเห็นชัดเมื่อมองผ่านพื้นเรียบ เช่น บนกระดาษสีขาว บนฝาผนัง ตลอดจนบนท้องฟ้าใส เป็นต้น โดยทั่วไปการมองเห็นอะไรลอยไปมานี้ ไม่ทำให้สายตามัวลง แต่อาจก่อให้เกิดความรำคาญมากกว่า
มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง ?
- กรณีที่เห็นจุดลอยไปมา หรือเห็นเป็นลูกน้ำลอยไปมา จักษุแพทย์จะทำการขยายม่านตา และตรวจดูบริเวณหลังจอประสาทตาว่ามีรอยขาดหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ยังไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะตาบอด ไม่มีอันตรายใดๆ
- อีกกลุ่มหนึ่ง วุ้นตาที่เสื่อมลงบางครั้งมีการเคลื่อนไหวตัวของวุ้นตา และไปรั้งจอตาได้ เมื่อดึงรั้งจอตา จอตาจะรับรู้เป็นแสง โดยอาจจะเห็นแสงวาบ ถ้าดึงรั้งมากอาจมีรอยผุเปื่อย หรือขาดได้ ซึ่งจะนำไปสู่จอตาลอก และเกิดภาวะการสูญเสียสายตาได้ ถ้าหากมีน้ำวุ้นลูกตาเสื่อม และจอประสาทตาขาดร่วมด้วย จักษุแพทย์อาจรักษาด้วยวิธีการยิงเลเซอร์เพื่อรักษาจอประสาทตาฉีกขาด และหลุดลอกนั้น
ภาวะวุ้นตาเสื่อมอาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน และเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะไม่หายไป แต่อาจจะเปลี่ยนรูปลักษณะไปได้ แต่ควรตระหนักเมื่อเจอจุดดำลอยไปลอยมาว่า เราอาจเกิดภาวะวุ้นตาเสื่อมซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะจอตาขาดหรือหลุดลอกได้ ดังนั้น ควรเข้ารับการตรวจโดยจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อตรวจเช็กดูว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะจอตาฉีกขาด และหลุดลอกหรือไม่