การทำอาหารในครัวเป็นสิ่งที่หลายคนทำเป็นประจำ แต่ในครัวก็เป็นพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายหากขาดความระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นการลื่นล้ม มีดบาด ถูกของร้อนลวก หรือน้ำมันลวก วันนี้เราจะพาไปรู้จักอุบัติเหตุในครัวที่มักเกิดขึ้น รวมถึงวิธีป้องกัน และการปฐมพยาบาลที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณปลอดภัยทุกครั้งที่เข้าครัว
อุบัติเหตุในครัวที่เกิดบ่อย! รู้วิธีป้องกันไว้ดีกว่า
อุบัติเหตุในครัวที่พบบ่อย และวิธีป้องกัน ได้แก่
- การลื่นล้ม มักเกิดจากน้ำ หรือคราบน้ำมันบนพื้น ดังนั้นควรเช็ดทำความสะอาดทันทีเมื่อมีของเหลวหกใส่พื้น ควรสวมรองเท้าที่มีพื้นกันลื่น หรือปูแผ่นกันลื่น หลีกเลี่ยงการวางสิ่งของเกะกะเพื่อลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุ
- ความร้อนจากอุปกรณ์ เช่น เตาอบ กระทะ หม้อทอด ควรป้องกันด้วยการใช้ถุงมือกันความร้อน หรือผ้าจับ หลีกเลี่ยงการเติมน้ำลงในน้ำมันร้อน เพราะจะทำให้น้ำมันกระเด็น ใช้ฝาครอบขณะปรุงอาหาร ตั้งเวลาเตือนหากทำอาหารทิ้งไว้ พร้อมทั้งเก็บผ้า และวัสดุไวไฟให้ห่างจากเตา
- บาดเจ็บจากเครื่องใช้ไฟฟ้า มักเกิดจากสายไฟชำรุด การใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าในบริเวณที่มีน้ำ หรือขณะมือเปียก การไม่ปิดสวิตช์หลังใช้งาน ควรป้องกันโดยตรวจสอบสภาพเครื่องใช้ไฟฟ้า และสายไฟอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้งานขณะมือ หรือพื้นเปียก ไม่ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ชำรุด และถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อเลิกใช้
- แก๊สรั่ว อาจเกิดจากการเปิดแก๊สทิ้งไว้ หรืออุปกรณ์รั่วซึม ซึ่งอาจนำไปสู่ไฟไหม้ หรือการระเบิด ควรป้องกันโดยติดตั้งเครื่องตรวจจับแก๊สรั่ว ปิดวาล์วแก๊สทุกครั้งหลังใช้งาน และหมั่นตรวจสอบสายแก๊ส และหัวเตาให้อยู่ในสภาพดี หากได้กลิ่นแก๊สควรรีบเปิดประตูและหน้าต่าง เพื่อระบายอากาศ หลีกเลี่ยงการเปิด หรือปิดไฟ และไม่ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าเพื่อลดความเสี่ยงจากการจุดติดไฟ
- มีดบาด มักเกิดจากการใช้มีดที่ไม่เหมาะสม มีดทื่อ ซึ่งทำให้ต้องออกแรงมากเกินไปจนเกิดพลาด รวมถึงการวางมีดในที่ไม่ปลอดภัย ควรป้องกันโดยเลือกใช้มีดที่คมและมีด้ามจับถนัดมือ หลีกเลี่ยงการใช้มีดที่สึกหรอ หรือด้ามจับไม่มั่นคง และจัดเก็บมีดอย่างปลอดภัยในบล็อกเก็บมีด หรือลิ้นชักที่มีตัวล็อก
การปฐมพยาบาลเมื่อถูกน้ำร้อนหรือน้ำมันลวก และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
เมื่อถูกน้ำร้อนหรือน้ำมันลวก ควรปฐมพยาบาลอย่างถูกต้องเพื่อลดความเสียหายของผิวหนังและลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ วิธีที่ถูกต้อง ได้แก่
- ล้างแผลทันที ด้วยน้ำสะอาด โดยให้ไหลผ่านแผลอย่างน้อย 10-15 นาที เพื่อช่วยลดอุณหภูมิ และป้องกันความร้อนกระจายลึกลงไปในเนื้อเยื่อ ซึ่งอาจทำให้เซลล์เนื้อเยื่อตายเพิ่มขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็นจัด หรือน้ำแข็ง เพราะอาจทำให้เนื้อเยื่อเสียหาย สังเกตแผลยังร้อนอยู่ไหม หากยังคงร้อน ควรล้างต่อไปจนกว่าความร้อนจะลดลง
- ถอดเสื้อผ้าที่ติดกับแผลอย่างระมัดระวัง การดึงผ้าที่ติดกับแผลอาจทำให้แผลเปิดกว้างหรือเกิดการติดเชื้อได้ หากผ้าติดกับผิวหนังจึงไม่ควรรีบดึงออก ให้ใช้น้ำล้างเพิ่มเพื่อช่วยให้ผ้าหลุดออกจากแผลได้ง่ายขึ้น หรือรอเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
- ประคบเย็น โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นประคบแผลเบาๆ 10-15 นาที พัก 10 นาที ทำซ้ำตามความจำเป็นเพื่อลดอาการบวม ห้ามใช้น้ำแข็งโดยตรงเพราะอาจทำให้ผิวหนังเสียหาย
- ทายาสำหรับแผลไฟไหม้ ควรทายาที่ช่วยป้องกันการติดเชื้อ และเร่งการฟื้นฟูของผิว เช่น ซิลเวอร์ซัลฟาไดอะซีน (SSD) หรือแบคเท็กซ์ (Bactex) ชนิดออยท์เมนท์ หรือ เจลว่านหางจระเข้ เพื่อลดอาการแสบร้อน และมอยส์เจอไรเซอร์หรือซิลิโคนเจล เพื่อป้องกันแผลเป็น ควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมไตรแอมซิโนโลน (Triamcinolone) ซึ่งมี สเตียรอยด์ที่อาจทำให้แผลบางลงและเสี่ยงต่อการติดเชื้อ รวมถึงขี้ผึ้งที่ไม่มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อ ยาสีฟัน เพราะอาจทำให้แผลระคายเคืองและหายช้ากว่าเดิม
- ปิดแผล ด้วยผ้าพันแผลที่สะอาด และไม่รัดแน่นเกินไป เพื่อให้แผลได้รับการระบายอากาศ และไม่ทำให้เกิดแรงกด ควรเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน หรือเมื่อผ้าพันแผลเปียกชื้นทันทีเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
การปฐมพยาบาลแผลมีดบาดเลือดไหลไม่หยุด และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง
การปฐมพยาบาลมีดบาดที่เลือดไหลไม่หยุด เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการป้องกันการบาดเจ็บที่รุนแรงขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยมีวิธีการและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง ดังนี้
- การห้ามเลือด ควรใช้ผ้าสะอาด หรือผ้าพันแผลกดแผลให้แน่น อย่างน้อย 5-10 นาที เพื่อหยุดเลือด หากเลือดยังคงซึมผ่านผ้าไม่ควรนำผ้าออก แต่ให้เพิ่มผ้าพันทับด้านบนซ้อนอีกชั้น หลีกเลี่ยงการเปิดดูบาดแผลบ่อยเกินไป เพื่อเช็กว่าเลือดหยุดหรือยัง เพราะจะรบกวนกระบวนการแข็งตัวของเลือด หากแผลเกิดที่แขน หรือขาควรยกส่วนที่มีบาดแผลให้สูงกว่าระดับหัวใจ เพื่อลดการไหลเวียนของเลือด ทั้งนี้ การใช้น้ำแข็ง หรือไอซ์แพคเพื่อการหยุดเลือดไม่ควรให้สัมผัสบาดแผลโดยตรง เพราะอาจทำให้แผลแย่ลง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บเพิ่ม
- หากแผลลึก หรือมีเลือดไหลไม่หยุด หลังจากกดแผลไว้แล้วควรไปพบแพทย์ทันที กรณีที่มีวัตถุแปลกปลอมฝังลงในแผล ควรให้แพทย์เป็นผู้นำออก เพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บเพิ่มเติม และการเสียเลือดมากขึ้น
- ทำความสะอาดแผลหลังเลือดหยุดไหล ควรล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและน้ำสบู่อ่อนๆ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์หรือไอโอดีน เพราะอาจไปทำลายเนื้อเยื่อบริเวณแผลและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ทำให้แผลหายช้าลง
- ทายาและปิดแผล หลังทำความสะอาดแผล ควรทาครีมที่มียาปฏิชีวนะเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ ปิดแผลด้วยผ้าพันแผลสะอาดที่ไม่รัดแน่นเกินไป หลีกเลี่ยงการใช้เทปพันแผลโดยตรงเพราะอาจกักเก็บของเหลวและทำให้แผลชื้นเกินพอดี ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อและทำให้แผลหายช้าลง
การดูแลแผลพุพองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ลักษณะของแผลพุพอง (Blister) คือการเกิดตุ่มน้ำ หรือของเหลวสะสมใต้ผิวหนัง เช่น น้ำเหลือง เลือด หรือหนองภายในชั้นผิวหนัง ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ผิวหนังถูกทำลาย การดูแลแผลอย่างถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ และช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นได้ ดังนี้
- ไม่เจาะ หรือเปิดตุ่มพอง หากตุ่มพองมีขนาดเล็ก ควรทายาฆ่าเชื้อจนกว่าตุ่มจะฝ่อ และหายไปเอง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และช่วยให้ผิวหนังที่อยู่ใต้ตุ่มได้รับการปกป้องจากสิ่งแปลกปลอม
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสแผล การแกะแผลพุพอง หรือเจาะตุ่มน้ำที่แผลอาจทำให้แผลติดเชื้อได้
- ตุ่มพองที่มีขนาดใหญ่ และจำเป็นต้องเจาะ ควรล้างมือให้สะอาด และทำความสะอาดแผลให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นใช้เข็มใหม่เจาะแผลอย่างระมัดระวัง ใช้ไม้พันสำลีสะอาดรีดน้ำในตุ่มออก อย่าดึงหนังบริเวณที่เจาะออก เนื่องจากผิวหนังนี้จะช่วยปกป้องผิวใหม่ที่กำลังสร้างขึ้น สามารถใช้ยาปฏิชีวนะแบบครีม เช่น มิวพิโรซิน (Mupirocin) เพื่อกำจัดเชื้อโรคแบคทีเรียและป้องกันการติดเชื้อ
- แผลพุพองรุนแรง หรือมีอาการติดเชื้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม และควรใช้ยาปฏิชีวนะ ตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการข้างเคียงจากการใช้ยา ควรปรึกษากับแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนการรักษา
แม้การทำอาหารจะเป็นกิจกรรมที่ให้ทั้งความสุข และความอร่อย แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าครัวเป็นพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย การมีความรู้เรื่องความปลอดภัย รวมถึงวิธีป้องกัน และปฐมพยาบาลเบื้องต้น จะช่วยลดความเสี่ยงและรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดคิดได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุที่รุนแรง เช่น แผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือบาดแผลลึกจากของมีคม ขอแนะนำให้รีบมาพบแพทย์ที่ โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน ซึ่งมีทีมแพทย์เฉพาะทางและอุปกรณ์ที่ทันสมัย พร้อมให้การรักษาอย่างปลอดภัยและเหมาะสม เพื่อให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี ใช้ชีวิตได้ตามปกติได้อีกครั้ง
รศ. นพ. ปรีดา สัมฤทธิ์ประดิษฐ์
ศัลยแพทย์เฉพาะทางผ่าตัดผ่านกล้อง
โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน