ปัจจุบัน เด็กในพื้นที่กรุงเทพฯ มีน้ำหนักเกินมาตรฐานเพิ่มขึ้น และกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งชี้ให้เห็นว่า คุณภาพชีวิตของคนเมืองทั้งพฤติกรรมการบริโภค และวิถีชีวิต ทำให้เด็กเป็นโรคเบาหวานมากขึ้น และเสียชีวิตจากอาการไตวาย (อาการแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน) เป็นอันดับ 1
อาหารหวาน มัน และออกกำลังกายน้อย เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดภาวะอ้วน ทำให้เซลล์ไขมันที่สะสมในร่างกายสร้างสารที่มีฤทธิ์ต่อการทำงานของอินซูลิน เรียกกลุ่มโรคนี้ว่า Metabolic Syndrome มีปัญหาเรื่องคอเลสเตอรอสสูงขึ้น ไขมันเลว (LDL) สูง ไตรกลีเซอไรด์ และความดันโลหิตสูงขึ้นด้วย เด็กที่เป็นเบาหวานจะมีอาการเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ เช่น หิวบ่อย รับประทานเก่ง อ่อนเพลีย ผอมลง ปัสสาวะมีมดขึ้น แต่เด็กมีสุขภาพแข็งแรงกว่า จึงมีภาวะแทรกซ้อนน้อยกว่าผู้ใหญ่
ในไตรมาสที่สามถือว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการตั้งครรภ์ มารดาจะเริ่มมีอาการอึดอัด แน่นท้อง ปวดเอว ปวดหลัง นอนไม่หลับ มือเท้าบวม ควรพักผ่อนให้มากเท่าที่ทำได้ ทานอาหารมีประโยชน์ได้แก่ ไข่ นมจืด ผัก ผลไม้ไม่หวานมาก รวมถึงถั่วชนิดต่างๆ เพราะเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ครรภ์เป็นพิษ เด็กโตช้าได้ ดังนั้น ควรไปตรวจครรภ์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
ตัวการเพิ่มความอ้วนให้เด็ก
- การให้เด็กรับประทานของหวาน (เพื่อเป็นรางวัล หรือหลอกล่อให้เด็กทำตัวดี) ความหวานจะทำให้การรับรสของเด็กเปลี่ยน รับรสจืดไม่ได้ จึงต้องรับความหวานมากขึ้นเรื่อยๆ
- ดื่มน้ำผลไม้แทนน้ำอัดลม แม้จะมีประโยชน์มากกว่า แต่ที่ถูกคือการดื่มน้ำเปล่า และรับประทานผลไม้สดที่ให้กากใย น้ำผลไม้ประกอบด้วยแคลอรีเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ผลไม้สดจึงดีที่สุด
- โรงเรียนควรเป็นด่านสกัดความอ้วนที่สำคัญ เพราะขนมขบเคี้ยว นมรสหวาน ไอศกรีม น้ำอัดลม ล้วนขาย หรือเข้ามาทำการตลาดในโรงเรียนด้วยการแจก แถม เพื่อล่อใจ และฝังความเชื่อที่ว่า ขนมคือการแบ่งปัน เป็นต้น
- พ่อแม่ และ ครูสนับสนุนให้เด็กเรียนพิเศษ หรือเข้าเรียนโรงเรียนดีๆ ซึ่งอยู่ไกลบ้าน ทำให้เด็กต้องตื่นเช้า ไม่ได้รับประทานอาหารเช้าเต็มที่ และอาจต้องไปเรียนพิเศษต่อตอนเย็น ทำให้ไม่ได้รับประทานอาหารเย็นอีก เพียงแต่รับประทานขนมรองท้องเท่านั้น และเมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล กิจกรรมสันทนาการต่างๆ จึงถูกละเลย เด็กบางคนขาดการออกกำลังกาย จึงเป็นเหตุให้กลายเป็นโรคอ้วนได้ง่าย
- ฟาสต์ฟู้ดกลายเป็นที่นิยม เพราะความง่าย สะดวก แต่ขาดคุณค่าทางโภชนาการ
วิธีป้องกันและการลดภาวะอ้วนให้เด็ก
วิธีป้องกันและลดภาวะอ้วนในเด็กที่ดีที่สุดต้องอาศัยทั้งความร่วมมือจากคนในครอบครัวและตัวเด็กเพื่อเด็กสามารถคงรักษาน้ำหนักในอยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยอาศัยทั้งการปรับพฤติกรรม โภชนาการ และสภาพจิตใจ ด้วยวิธีดังนี้
- ลดการทานอาหารที่ให้พลังงานสูงเกินจำเป็น เช่น อาหารประเภทแป้ง เปลี่ยนไปทานแป้งจากข้าวกล้องแทน เพื่อลดน้ำตาลส่วนเกิน ลดอาหารจำพวกที่มีน้ำตาลสูง ไขมันสูง และมีรสเค็ม
- เพิ่มกากใยในอาหาร เช่น ผักผลไม้น้ำตาลต่ำ เช่น แอปเปิล กล้วยน้ำว้า ส้มโอ กีวี ข้าวซ้อมมือ และข้าวกล้อง เป็นต้น
- ทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ ทานเป็นเวลา ไม่งดมื้อเช้า และอย่าทานอาหารมื้อดึก หลัง 18.00 เป็นต้นไป
- เลี่ยงอาหารประเภททอด ใช้น้ำมันเยอะ เปลี่ยนเป็นการตุ๋น ต้ม นึ่งแทน เลี่ยงเนื้อสัตว์ติดมันและอาหารฟาสฟู๊ด
- ดื่มนมพร่องเนย ไขมันต่ำ งดของหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม รวมทั้งของหวาน และขนมขบเคี้ยว
- ออกกำลังกายเป็นประจำ 3-5 ครั้ง/สัปดาห์ วันละ 30-60 นาที
- หมั่นชมลูก และสร้างกำลังใจ เพื่อให้เด็กมีกำลังใจในการลดน้ำหนัก และสุขภาพจิตดี หลีกเลี่ยงการตำหนิและลงโทษ
- คนในครอบครัวควรเป็นแบบอย่างที่ดีในการมีสุขภาพที่ดีในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การบริโภคอาหาร และการออกกำลังกาย