5 โรคช่องท้อง ที่ห้ามมองข้าม

5 โรคช่องท้อง ที่ห้ามมองข้าม

โรคในช่องท้องที่เกี่ยวข้องกับทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ตับ ไต เป็นต้น อวัยวะเหล่านี้เป็นอวัยวะสำคัญ หากเกิดความผิดปกติจะทำให้ระบบทางเดินอาหาร หรือระบบการขับถ่ายเป็นปัญหา หากรู้ตัวว่ากำลังมีอาการของโรคต่างๆ เหล่านี้คุณควรรีบไปพบแพทย์

 

 

นิ่วในถุงน้ำดี

หลายคนอาจคิดว่าโรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคไกลตัว แต่หากเราไม่ดูแลตัวเอง นิ่วในถุงน้ำดีอาจเกิดกับคุณได้ง่ายๆ นิ่วที่เกิดในถุงน้ำดีเกิดจากการที่คลอเลสเตอรอล และบิลิรูบิน (สารให้สีในน้ำดี) ตกตะกอนผลึกเป็นก้อนมีขนาดเท่าเม็ดทราย หรืออาจจะใหญ่กว่านั้น ไปอุดตันทางเดินของท่อน้ำดี คนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีจะปวดท้องรุนแรง บางทีอาจร้าวไปถึงหลังก็ได้ มีอาการท้องอืด แน่นท้องเหมือนอาหารไม่ย่อย มักจะเป็นหลังจากที่กินอาหารมันๆ บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม และอาจมีไข้เพราะการอักเสบของถุงน้ำดี การแก้ไขที่ได้ผลดีที่สุดคือ การผ่าตัดเอานิ่วออกจากถุงน้ำดี

 

 

ภาวะไส้เลื่อน

เป็นภาวะที่ไส้เลื่อนตัวออกมาจากตำแหน่งปกติ เราจะสังเกตอาการไส้เลื่อนได้จากก้อนตุงๆ ที่นูนออกมาจากผิวหนัง ที่อยู่บริเวณท้องช่วงล่าง หรือขาหนีบ อย่างไรก็ตามบริเวณที่ไส้เลื่อนเกิดขึ้นที่ตำแหน่งอื่นก็ได้ทั้งบริเวณสะดือ กระบังลม เหนือสะดือ ต่ำกว่าขาหนีบ กล้ามเนื้อหน้าท้อง ในช่องเชิงกราน เป็นต้น ไส้เลื่อนจะเห็นได้ชัดมากเมื่อเรา ไอ จาม เบ่งถ่าย หรือยกของหนัก ไส้เลื่อนบางชนิดอาจเป็นไส้เลื่อนชนิดที่ติดคาไม่สามารถดันตัวกลับไปยังบริเวณเดิม แต่ติดคาอยู่บริเวณใดบริเวณหนึ่งนานๆ ผิวหนังนูนออกมาตลอดเวลา อาจทำให้ลำไส้อุดตัน ปวดท้องและอาเจียนรุนแรง หากปล่อยไว้นานๆ ไส้จะขาดเลือดและทำให้ลำไส้เน่าได้ ดังนั้น หากเราสังเกตตัวเองดีแล้วว่าอาการนี้แหละน่าจะเป็นไส้เลื่อน เราควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการแก้ไข

 

 

ไส้ติ่งอักเสบ

ไส้ติ่งเป็นส่วนหนึ่งของลำไส้ใหญ่ ทำหน้าที่สร้างเชื้อจุลินทรีย์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร และกระตุ้นระบบย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่เมื่อไส้ติ่งติดเชื้อหรือมีการอุดตันของไส้ติ่งจากอุจจาระแข็ง หรือมีสิ่งแปลกปลอมอย่างก้อนเนื้องอกเข้าไปอุดตัน จะทำให้ไส้ติ่งเกิดการอักเสบได้ เมื่อไส้ติ่งอักเสบจะมีอาการปวดท้องแต่บอกไม่ได้ว่าปวดตรงไหน ปวดไปเรื่อยๆ นานมากกว่า 6 ชั่วโมง อาการปวดจะย้ายลงไปอยู่ที่ท้องด้านขวาล่าง จะปวดเสียดตลอดเวลา มีไข้ต่ำๆ คลื่นไส้ อาเจียน บางครั้งปวดถึงขนาดไม่สามารถเดินได้ ปวดจนตัวงอ ถ้าหากปล่อยไว้ไม่รีบไปพบแพทย์ ไส้ติ่งอาจติดเชื้อ เน่า และแตก อาจทำให้เสียชีวิตได้

 

 

แผลในกระเพาะอาหาร

แผลในกระเพาะอาหาร เกิดจากการกินแบคทีเรียจากอาหารที่ไม่สะอาด ดื่มน้ำที่ปนเปื้อนแบคทีเรีย และอาจเกิดจากสาเหตุอื่นได้ เช่นผลข้างเคียงของยาต้านการอักเสบในกลุ่มยาแก้ปวด เช่นแอสไพริน เซเลโคซิบ ฯลฯ รวมถึงความเครียดที่ทำให้กระเพาะอาหารสร้างกรดมากจนเกิดเป็นแผลในกระเพาะ บุหรี่ และแอลกอฮอล์ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน เมื่อมีแผลในกระเพาะอาหารเราจะรู้สึกปวดท้องบริเวณยอดอก หรือใต้ลิ้นปี่ บางครั้งอาจคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร แม้ว่าการรักษาแผลในกระเพาะอาหารอาจทำได้ด้วยการทานยาลดกรด ยาปฏิชีวนะเมื่อติดเชื้อจากแบคทีเรีย หากแผลในกระเพาะมีขนาดใหญ่มาก หรือแผลไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา หรือหากกระเพาะอาหารทะลุ แพทย์จำเป็นต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดแทน

 

 

มะเร็งลำไส้ใหญ่

มะเร็งลำไส้แม้ว่าอาการในช่วงแรกที่เกิดจะยังไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าเราเป็นมะเร็งลำไส้หรือเปล่า แต่เมื่อเป็นสักระยะหนึ่งอาการจะเริ่มแสดงให้เราเห็นจากการขับถ่าย ถ้าเรารู้สึกว่าบางครั้งมีเลือดปนมากับอุจจาระ ท้องเสียสลับกับท้องผูก ถ่ายเป็นมูกเลือด ให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการเหล่านี้ หากเรารู้อาการก่อนจะช่วยให้รักษาได้เร็วก่อนมะเร็งจะลุกลามไปยังส่วนอื่น การรักษาโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่สามารถทำได้ด้วยการใช้ยาเคมีบำบัด การฉายแสง หรือการผ่าตัดเพื่อนำมะเร็งและชิ้นเนื้อส่วนต่างๆ ที่คาดว่ามะเร็งจะแพร่กระจายมาถึงออกไป


แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ




Loading...