“การรักษาอาการป่วยใดๆ ไม่ใช่การรักษาเพียงร่างกาย แต่แพทย์ต้องทำความเข้าใจความรู้สึกของคนไข้ และต้องรักษาเรื่องจิตใจไปพร้อมๆ กัน”

 

 

สำหรับแพทย์แล้ว เมื่อเห็นคนไข้มีความเจ็บป่วยย่อมอยากจะช่วยคนไข้ให้พ้นจากความเจ็บป่วยนั้นโดยเร็วที่สุด ซึ่ง นพ. ดาวิน เยาวพลกุล แพทย์เฉพาะทางด้าน หู คอ จมูก โรงพยาบาลพญาไท 2 เข้าใจในจุดนี้ดี เพราะจากประสบการณ์การรักษาและเยียวยาคนไข้มะเร็งในช่องปากมาเป็นเวลานาน คุณหมอจึงทราบดีว่าคนไข้โรคมะเร็งช่องปากนั้น นอกจากต้องใช้แรงกายในการต่อสู้กับเนื้อร้าย ยังต้องมีแรงใจที่เชื่อมั่นว่าตนเองสามารถเอาชนะโรคได้ด้วย

แรงบันดาลใจจากพ่อสู่ลูก

คุณหมอดาวินเล่าว่า ด้วยความที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีคุณพ่อ (นพ. วิโรจน์ เยาวพลกุล) เป็นแพทย์ ทำให้คุณหมอได้รับแรงบันดาลใจในการเป็นแพทย์มาตั้งแต่เด็กๆ

 

“เราเห็นท่านเป็นหมอจึงอยากเป็นหมอเหมือนท่าน ตั้งแต่เรายังเด็กเราก็เห็นท่านทำงานและช่วยเหลือคนไข้อยู่เสมอ เมื่อถึงเวลาที่เราต้องเข้ามาเรียนเอง เราจึงรู้ว่าการเรียนแพทย์นั้นซับซ้อนและยากมาก แต่การจะเป็นแพทย์ที่ดีได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากกว่า”

 

เพราะมีความสนใจเฉพาะทางบวกกับการเป็นคนละเอียดอ่อนในการทำงาน ทำให้คุณหมอดาวินเลือกเรียนต่อเฉพาะทางด้านหู คอ จมูก และเชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมบริเวณศีรษะและคอ

“เราชอบการทำงานที่ใช้ความละเอียด ซึ่งการผ่าตัดบริเวณศีรษะและคอเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียด และต้องใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยไปพร้อมๆ กัน ในการผ่าตัดนั้น มีทั้งการผ่าตัดเพื่อรักษาตัวโรค การผ่าตัดตกแต่ง รวมถึงการผ่าตัดซ่อมแซมเนื้อเยื่อ แม้ว่าบริเวณหู คอ จมูก และใบหน้าจะเป็นพื้นที่ส่วนเล็กๆ ของร่างกาย แต่การผ่าตัดส่วนนี้ถือว่าความสำคัญมาก เพราะมีอวัยวะที่สำคัญบริเวณนี้มากมาย”

 

“ลิ้นเทียม” อวัยวะใหม่ที่ช่วยให้คนไข้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง

มะเร็งในช่องปากที่คนไทยเป็นส่วนใหญ่ คือมะเร็งที่ลิ้น มะเร็งกระพุ้งแก้ม ซึ่งการรักษาก็ขึ้นอยู่กับระยะและความรุนแรงของโรค หากเป็นเพียงส่วนเล็กๆ แพทย์จะผ่าตัดเพื่อเอาชิ้นเนื้อร้ายและเซลล์ที่อยู่รอบๆ ออก และผ่าตัดนำเนื้อเยื่อมาทำเป็นลิ้นเทียม เพื่อช่วยให้คนไข้สามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้งโดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าจะนำเนื้อเยื่อจากส่วนไหนของร่างกายมาใช้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเอาเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น กล้ามเนื้อหน้าอก กล้ามเนื้อขา

 

 

บางครั้งการซ่อมแซมเนื้อเยื่อจะใช้เวลานานหลายชั่วโมง เพราะเป็นการผ่าตัดที่ละเอียดซับซ้อน หลังจากการผ่าตัดแล้วคนไข้จะต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นคนไข้ต้องเริ่มฝึกการกิน การกลืนอาหารด้วยลิ้นเทียม เพื่อไม่ให้สำลัก โดยโรงพยาบาลจะมีนักฝึกบำบัด ที่ช่วยฝึกการพูดและการกลืนอาการให้กับคนไข้ เพื่อให้คำแนะนำในการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีและช่วยคนไข้ให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด ส่วนแผลลิ้นเทียมจะใช้เวลา 3-6 เดือนจึงหายเป็นปกติ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปรับตัวของคนไข้ด้วยเช่นกัน

เป้าหมายสูงสุดคือความสุขของคนไข้

ความคาดหวังในการรักษาของคุณหมอดาวิน คือ ผลการรักษาต้องออกมาดีที่สุด เมื่อต้องผ่าตัดให้คนไข้แต่ละครั้งก็ต้องทำให้ดี เลือกแนวทางการรักษาที่ดีที่เหมาะสมกับผู้ป่วย และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยที่สุด เพื่อให้คนไข้หายจากโรคหรือสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้

 

 

แม้ว่าการรักษาโรคมะเร็งจะไม่สามารถรับรองผลได้ 100% แต่การให้ความร่วมมือของคนไข้และการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ที่ให้การรักษา เช่น การลด ละ เลิกปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่มีผลต่อโรคก็จะทำให้ผลการรักษาออกมาดีมากขึ้นได้

 

“เมื่อไหร่ที่เรารักษาคนไข้ให้หายดีได้ เราก็ดีใจไปกับเขา คนไข้บางรายตอนมาหาเราเขามีความทุกข์มาก มะเร็งลุกลามมากแล้ว แต่เมื่อเขารับการรักษาจากเราแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดี แม้ว่าบางรายจะไม่หายขาด แต่เขาก็มีความสุขที่ได้มีโอกาสกลับไปอยู่กับครอบครัวและคนที่เขารักยาวนานมากขึ้น”

 

ให้ความสำคัญกับทุกข์ทางใจของคนไข้

นอกจากความรู้ ความชำนาญ และความเชี่ยวชาญแล้ว คุณหมอดาวินมองว่า การจะรักษาให้ได้ผลที่ดีแพทย์จะต้องมีความเมตตากับคนไข้ด้วย เพราะการรักษาอาการป่วยใดๆ ไม่ใช่การรักษาเพียงร่างกาย แต่แพทย์ต้องทำความเข้าใจความรู้สึกของคนไข้และต้องรักษาเรื่องจิตใจไปพร้อมๆ กัน การให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาดีนั้นมีความสำคัญ บางครั้งเมื่อเราดูแล รักษา หรือผ่าตัดเขาแล้วทำให้เขาอาการดีขึ้นได้ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องให้ยากับคนไข้เลยก็ได้