การดูแลผู้ป่วย : การดูแลตนเองผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด
เคมีบำบัด คือ วิธีการรักษามะเร็งโดยการใช้ยาต้านโรคมะเร็ง ในการทำลายหรือควบคุมเซลมะเร็ง มะเร็งบางชนิดตอบสนองต่อการรักษาทางเคมีบำบัดดีจนสามารถทำให้ผู้ป่วยหายจากโรคมะเร็งได้ มะเร็งบางชนิดจะมีการตอบสนองต่อการรักษาทางเคมีบำบัดต่อเมื่อใช้ในการรักษาร่วมกับการผ่าตัดและการฉายรังสี โดยมีจุดหมายเพื่อกำจัดเซลมะเร็งที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในร่างกายโดยเฉพาะในเลือด และทางเดินน้ำเหลือง
ยารักษาโรคมะเร็งมีหลายชนิด การเลือกใช้ก็จะขึ้นอยู่กับการตอบสนองของเซลมะเร็ง อาจจะใช้เป็นขนานเดียวหรือรวมกันหลาย ๆ ขนานก็ได้ ยาที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็งนี้มีผลต่อการเจริญเติบโตของเซล ทั้งที่เป็นเซลปกติและเซลมะเร็ง ดังนั้น ยาจำพวกนี้จึงมีผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยด้วย
ผลข้างเคียงของยาเคมีบำบัดที่พบบ่อย คือ
1. อาการคลื่นไส้และอาเจียน อาจเกิดภายใน 1 – 6 ชั่วโมง หลังจากได้รับยา และส่วนใหญ่จะหายภายใน 36 ชั่วโมง ภายหลังเสร็จสิ้นการให้ยาเคมีบำบัด
2. ไข้ หนาวสั่น อาจเกิดหลังจากให้ยาเคมีบำบัดทันทีถึง 6 ชั่วโมง และจะสิ้นสุดภายใน 24 ชั่วโมง
3. อาการอ่อนเพลียไม่มีแรง อาจนานถึง 1 สัปดาห์ หรือนานกว่านี้
4. ผมร่วง ซึ่งอาจเริ่มช่วงหลังจากให้ยาไปแล้ว 2 – 3 สัปดาห์
5. มีความผิดปกติของเลือด ซึ่งอาจทำให้เกิดเลือดออกง่าย และมีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อง่าย
6. เกิดแผลในเยื่อบุช่องปาก
7. มีความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย ท้องผูก เป็นต้น
8. ผู้ป่วยมีโอกาสการเป็นหมันชั่วคราว หรือถาวร หลังจากได้ยาเคมีบำบัด ดังนั้นจึงควรคุมกำเนิดในระหว่างที่รักษาด้วยยาเคมีบำบัดและภายหลังจากการรักษาประมาณ 2 ปี เนื่องจากถ้าตั้งครรภ์ทารกอาจผิดปกติได้ สำหรับผู้ป่วยที่ยังต้องการมีบุตรให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการรักษา
9. มีโอกาสเกิดอาการชาตามปลายประสาทส่วนปลาย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดกล้ามเนื้อ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะดีขึ้นหลังจากหยุดยาเคมีบำบัดไปแล้ว 4 – 6 สัปดาห์
ข้อแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด มีดังนี้
1. ควรรับประทานอาหารที่ไม่ร้อนหรือเย็นจัดจนเกินไป
2. ถ้าผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ ควรดื่มเครื่องดื่มประเภทเหลวใสเย็น เช่น น้ำส้ม น้ำขิง วุ้น หรือเยลลี่ น้ำมะนาว โคลา น้ำชา โดยการจิบทีละน้อยแต่บ่อย ๆ หรือรับประทานอาหารประเภทขนมปังกรอบ ขนมกรุบกรอบต่าง ๆ ควรรับประทานทีละน้อยเพื่อทำให้กระเพาะอาหารไม่พองตัวมากจนเกินไป และ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร 1 – 2 ชั่วโมง ก่อนการให้ยาเคมีบำบัด
3. ควรหลีกเลี่ยงอาหารเผ็ดจัด เค็มจัด มันจัด อาหารที่มีกลิ่นฉุน
4. ควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุกแล้ว เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากอาหาร
5. ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร (2,000 ซีซี) ขึ้น
6. ผ่อนคลายอารมณ์ด้วยการฟังเพลง ดูรายการโทรทัศน์ อ่านหนังสือที่ชอบ พูดคุยเพื่อลด ความเครียด
7. กรณีที่ผู้ป่วยมีผมร่วงมาก อาจจะใส่ผมปลอม ใส่หมวกหรือโพกศีรษะ และเมื่อเสร็จสิ้นการ รักษาแล้ว ผมจะขึ้นมาใหม่เหมือนเดิม หรืออาจจะดูดีกว่าเดิมก็ได้
8. กรณีที่มีเลือดออกง่าย ให้ระวังอุบัติเหตุของมีคมต่าง ๆ ผู้ป่วยชายควรงดการโกนหนวด ผู้ป่วย หญิงควรงดการทำเล็บ
9. ดูแลสุขภาพปากด้วยการทำความสะอาดปาก และฟันด้วยแปรงสีฟันขนนิ่ม ๆ แปรงฟันเบา ๆ หรือใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำยาพันนิ้วมือเช็ดปากและฟัน บ้วนปากบ่อย ๆ ด้วยน้ำยาบ้วนปาก หรือน้ำเกลือ
10. ชำระล้างอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอกภายหลังการขับถ่ายทุกครั้ง เพื่อลดจำนวนเชื้อแบคทีเรีย
11. ในกรณีที่มีอาการชาตามปลายประสาทส่วนปลาย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรระมัดระวังการเกิด อุบัติเหตุ เพราะกล้ามเนื้ออ่อนแรงจะทำให้การหยิบจับสิ่งของไม่สะดวก มีความรู้สึกช้าถ้าสัมผัส ของร้อนจะเป็นอันตรายได้
12. หากเกิดอาการท้องเสีย ควรรับประทานอาหารอ่อน ๆ เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ฯ ดื่มน้ำมาก ๆ วันละ อย่างน้อย 3,000 ซีซี โดยงดอาหารประเภทนม ผลไม้ ออกไปก่อนชั่วคราว
13. เมื่อมีเม็ดเลือดขาวต่ำจากการได้รับยาเคมีบำบัด ควรหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดหรือสัมผัสกับ บุคคลที่เป็นโรคติดต่อโรคติดเชื้อ หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัด งดผักสดและผลไม้ที่ รับประทานทั้งเปลือก
14. หากผู้ป่วยมีภาวะซีด ควรรับประทานอาหารที่มีเหล็กและโปรตีน เช่น ไข่ นม และผักใบเขียว เนื้อสัตว์ เพื่อช่วยลดภาวะซีดและช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อจากภายนอกอีกด้วย
อาการต่อไปนี้หากเกิดขึ้นควรรีบมาพบแพทย์
• แขนข้างที่ให้ยาเคมีบำบัดมีอาการบวม แดง ร้อน แสบหรือดำคล้ำ
• มีไข้สูง หนาวสั่น ซีดมาก อ่อนเพลีย มีแผลหรือมีเชื้อราในช่องปาก มีจ้ำเลือดตามตัว มีผื่นขึ้นตามตัว
• คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ร่วมกับมีอาการท้องเสีย
• คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง ร่วมกับมีอาการท้องเสีย
• ปัสสาวะมีเลือดปน เจ็บเวลาปัสสาวะ หรือปัสสาวะไม่ออกภายใน 8 ชั่วโมง
• เยื่อบุช่องปากเป็นแผลและอักเสบรุนแรง
• มีอาการหน้ามืด ใจสั่น หอบเหนื่อย รู้สึกจะเป็นลม
สอบถามเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วย
โรงพยาบาลพญาไท 2
โทร.02-271-6700 ต่อ 1035, 1037
Phyathai Call Center 1772