เยื่อบุโพรงมดลูกหนาหรือบางเกินไป ทำให้มีบุตรยากจริงหรือ

เยื่อบุโพรงมดลูกหนาหรือบางเกินไป ทำให้มีบุตรยากจริงหรือ

การมีลูกยาก เกิดได้จากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเกิดจากการแต่งงานช้าลง คิดจะมีลูกตอนอายุที่มากแล้ว หรือความเครียดในการทำงานที่ทำให้มีความสัมพันธ์กันน้อยลง เป็นต้น นอกจากนั้นแล้วยังมีสาเหตุด้านสุขภาพและกายภาพ โดยเฉพาะในระบบสืบพันธุ์ ก็เป็นเหตุให้มีบุตรยากได้เช่นกัน วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องของปัญหา เยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่และพบมากในผู้ที่มีปัญหามีลูกยาก

 

รู้จักเยื่อบุโพรงมดลูกกันก่อน

เยื่อบุโพรงมดลูก คือ เยื่อบุผิวของผนังด้านในของมดลูก มีหน้าที่ในการรับการฝังตัวของตัวอ่อน และเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกในแต่ละช่วงเวลาใน 1 รอบเดือนนั้นจะหนาไม่เท่ากัน กล่าวคือ ในช่วงมีประจำเดือนเยื่อบุโพรงมดลูกจะบางที่สุด เพราะเยื่อบุโพรงมดลูกลอกตัวมาเป็นประจำเดือนและหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยจะมีความสัมพันธ์กับการโตของฟองไข่ในเดือนนั้นๆ ซึ่งจะหนาตัวมากที่สุดในช่วงการตกไข่ หลังจากนั้นความหนาอาจจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเล็กน้อยเพื่อรอให้ตัวอ่อนมาฝังตัว หากไม่มีการฝังตัวก็จะบางลงอีกครั้งเมื่อมีประจำเดือน

 

ดังนั้น ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกจึงมีความสำคัญต่อการฝังตัวของตัวอ่อนและการตั้งครรภ์ ถึงตอนนี้หลายท่านคงเกิดคำถามในใจว่า… เยื่อบุโพรงมดลูกยิ่งหนายิ่งท้องง่ายจริงไหม? แล้วเยื่อบุโพรงมดลูกยิ่งบางยิ่งท้องยากจริงหรือเปล่า? ความหนาที่เหมาะสมกับการฝังตัวของตัวอ่อนคือเท่าไหร่? วันนี้ เราจะมาตอบคำถามกันนะครับ

 

ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ทำให้ตั้งครรภ์ง่ายและยาก

โดยปกติ เยื่อโพรงบุมดลูกของแต่ละคนก็หนาไม่เท่ากัน และในคนเดียวกันนั้นในแต่ละรอบเดือนก็หนาไม่เท่ากัน แต่จะมีความหนาที่ใกล้เคียงกัน ความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูกที่ดี ควรหนามากกว่า 8 มิลลิเมตร ทั้งนี้ มีหลายการศึกษาในรอบย้ายตัวอ่อนกลับเข้าโพรงมดลูกในกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF พบว่า ช่วงของความหนาที่มีการฝังตัวของตัวอ่อนที่ดีคือ 8-14 มิลลิเมตร และจะลดลงชัดเจนเมื่อเยื่อบุโพรงมดลูกหนาน้อยกว่า 7 มิลลิเมตร

 

ฉะนั้น เยื่อบุโพรงมดลูกยิ่งหนายิ่งท้องง่าย ก็เป็นเรื่องจริง แต่หากหนามากเกินไป คือถ้าหนามากกว่า 14 มิลมิเมตร ก็จะกลับทำให้ตั้งท้องยากขึ้น การที่เยื่อบุโพรงมดลูกหนามากเกินไปอาจจะพบร่วมกับความผิดปกติของประจำเดือน เช่น มาช้ากว่าปกติมาก หรือ 2-3 เดือนมาครั้ง เป็นต้น หรืออาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยทางช่องคลอดได้

หากคุณผู้หญิงมีประจำเดือนมาตามปกติ แต่ปริมาณประจำเดือนออกมาก หรือมีเลือดออกกะปริบกะปรอย ควรสงสัยว่ามีก้อนเนื้อในโพรงมดลูก เช่น เนื้องอกหรือติ่งเนื้อในโพรงมดลูก แต่หากมีประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ บางครั้ง 2-3 เดือนหรือมากกว่าค่อยมาครั้งหนึ่ง อาจมีเลือกออกกะปริบกะปรอยร่วมด้วย ควรคิดถึงกลุ่มเยื่อโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติ หรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

 

ดังนั้น หากคุณผู้หญิงท่านใดมีปัญหามีบุตรยากร่วมกับอาการข้างต้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ เพราะเมื่อทำการรักษาแล้ว ก็จะช่วยทำให้ตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น

 

ส่วนเยื่อบุโพรงมดลูกยิ่งบาง ยิ่งท้องยากก็เป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง เพราะหากบางเกินไปก็จะทำให้ตัวอ่อนฝังตัวได้ยากขึ้น แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเยื่อบุโพรงมดลูกของเราบาง อาจจะบอกได้ยากซักหน่อย แต่หากมีประวัติแท้งบุตรและได้รับการขูดมดลูก หรือขูดมดลูกด้วยสาเหตุอื่นๆ แล้วปริมาณของประจำเดือนออกน้อยลง ซึ่งเป็นผลจากการมีพังผืดในโพรงมดลูก หากท่านใดมีอาการดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางจะดีกว่า

 

กล่าวโดยสรุป เยื่อบุโพรงมดลูกนั้นสำคัญจริงๆ หนาไปก็ท้องยาก บางไปก็ไม่ท้อง แต่อย่างไรก็อย่าได้กังวลใจไป ถ้าหากมีอาการผิดปกติของประจำเดือนซึ่งย่อมเกี่ยวกับโพรงมดลูก ควรมาปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง “เพราะปัญหาทุกอย่าง มีทางแก้ไขเสมอ”

 

นพ. ธีรยุทธ์ จงวุฒิเวศย์
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเจริญพันธุ์
ศูนย์รักษาภาวะมีบุตรยาก โรงพยาบาลพญาไท 2


นัดหมายแพทย์

แชร์

หากสนใจต้องการปรึกษาแพทย์

กรุณากรอกข้อมูลเพื่อให้เราติดต่อกลับ



Loading...
Loading...