ไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซ่า (Influenza) สามารถติดต่อกันได้ง่ายผ่านทางการหายใจ เอาละอองฝอยที่เกิดจากการ ไอ จาม ออกมาของผู้ป่วยที่มีเชื้อไวรัสอยู่ หรือติดต่อโดยการสัมผัสผ่านมือ สิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อน น้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วย แล้วมาป้ายเข้าเยื่อบุตา เยื่อบุจมูกของตน
มีไข้แบบไหน…ที่เสี่ยง “ไข้หวัดใหญ่” ?
ผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัดใหญ่จะมีไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไอ น้ำมูกไหล ส่วนใหญ่มักไม่รุนแรง และหายได้เองภายใน 5-7 วัน แต่บางคนอาจมีอาการรุนแรง เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และอาจเสียชีวิตได้
รู้ไหม? วัคซีนไข้หวัดใหญ่ จำเป็นต้องฉีดทุกปี!
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ผลิตจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ตายไปแล้ว และไม่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ในผู้ที่ได้รับวัคซีน การรับวัคซีน รับโดยการฉีดเข้ากล้ามเนื้อบริเวณต้นแขน ปีละ 1 ครั้ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการฉีดวัคซีนในประเทศไทย คือ ช่วงก่อนที่จะเริ่มมีการระบาด ได้แก่ ก่อนฤดูฝน หรือก่อนฤดูหนาว คือประมาณเดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เป็นเชื้อที่มีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์และพัฒนาการตามธรรมชาติเกิดขึ้นเป็นประจำ ทำให้มีการระบาดตามฤดูกาลอย่างต่อเนื่องทุกปี
ดังนั้น วัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงถูกผลิตตามมาตรฐานที่ประกาศโดยองค์การอนามัยโลก ตามสายพันธุ์ที่มีแนวโน้มว่าจะมีการแพร่ระบาดในฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง บุคคลทั่วไปจึงควรรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ทุกปี
การเข้ารับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
- เริ่มฉีดได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และสามารถรับวัคซีนได้ทุกปี
- เด็กอายุน้อยกว่า 9 ปี หากได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เป็นปีแรก ควรได้รับวัคซีน 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน
- ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่ ควรได้รับวัคซีนป้องกัน ซึ่งได้แก่
- เด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี
- เด็กและวัยรุ่นอายุ 6 เดือน ถึง 18 ปี ที่ต้องได้รับยาแอสไพรินเป็นเวลานาน
- ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปี ขึ้นไป
- ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น เบาหวาน หอบหืด ถุงลมปอดโป่งพอง โรคหัวใจ ไตวาย
- ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
- หญิงที่มีแผนจะตั้งครรภ์
- บุคคลที่มีโอกาสแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่ให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคไข้หวัดใหญ่ ควรได้รับคำแนะนำให้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ด้วย ได้แก่
- สมาชิกในครอบครัว ผู้ดูแลเด็กและผู้สูงอายุ รวมถึงแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลรักษาผู้ป่วย นักเดินทาง ผู้ที่ต้องพบปะหรืออาศัยอยู่ร่วมกับคนจำนวนมาก
ใครบ้างที่ “ควรงด” เข้ารับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ?
- เคยมีอาการแพ้อย่างรุนแรงจากการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในครั้งก่อน
- แพ้ไข่อย่างรุนแรง หรือแพ้ส่วนผสมต่างๆ ในวัคซีน (วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ไม่มียาปฏิชีวนะและสารกันเสีย)
- หากมีไข้ ไม่สบาย ควรเลื่อนการรับวัคซีนออกไปก่อน รอให้หายป่วยก่อนจึงค่อยมารับวัคซีน (กรณีเป็นหวัดเล็กน้อย ไม่มีไข้ สามารถรับวัคซีนได้)
อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่
- อาจทำให้เกิดอาการแพ้อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม อาการแพ้อย่างรุนแรงจากวัคซีนพบได้น้อยมาก ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ มักไม่มีปัญหาใด
- ปฏิกิริยาที่อาจพบหลังฉีดวัคซีน ได้แก่ ปวด บวมแดง บริเวณที่ฉีดวัคซีน ซึ่งมักหายเองภายใน 1-2 วัน
- อาจพบไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หรือรู้สึกไม่สบายได้ ซึ่งจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน
- หากมีอาการปวด บวมแดง บริเวณที่ฉีดวัคซีนให้ประคบเย็น แต่ถ้ามีอาการผิดปกติอื่นนอกจากนี้ ควรปรึกษาแพทย์
หมายเหตุ :
- หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร สามารถรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้
- แจ้งให้แพทย์ทราบ หากท่านเคยเป็นโรคกิลเลนบาร์เร่ ซินโดรม (Guillain-Barre’ Syndrome)
- ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วยังมีโอกาสติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ หากในปีนั้นๆ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ หรือประสิทธิผลของวัคซีนมีข้อจำกัด อาจไม่ให้การป้องกันในผู้ที่ได้รับวัคซีนทุกราย
- หากมีข้อสงสัย ควรปรึกษาแพทย์