โรคมะเร็งลำไส้นี่ถือว่าเป็นโรคมะเร็งอันดับต้นๆ ที่คนไทยส่วนใหญ่เป็น โรคนี้เกิดจากความผิดปกติของเนื้อเยื่อบริเวณลำไส้ที่เมื่อแบ่งตัวเพิ่มขึ้น ขนาดของติ่งเนื้อ หรือเนื้องอกนั้นกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งถ้าไม่ได้รีบพบแพทย์ เซลล์มะเร็งนี้ก็จะลุกลามและแพร่กระจายไปตามเนื้อเยื่อต่างๆ อย่างรวดเร็ว

อาการแบบไหน…ถึงเรียกว่าเข้าข่าย

อาการปวดท้องของผู้ที่เข้าข่ายเป็นมะเร็งลำไส้นั้น ดูผิวเผินอาจจะเป็นอาการปวดแบบธรรมดา แต่ที่แตกต่างออกไปคือการปวดท้องที่เรื้อรัง ท้องอืดเรื้อรัง ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ มีเลือดออก น้ำหนักลดผิดปกติ อ่อนเพลียง่าย ท้องผูกสลับท้องเสีย และเมื่อคลำบริเวณท้องก็พบก้อน แต่อาการพวกนี้มักไม่ได้แสดงออกชัดเจน ทำให้ส่วนใหญ่คนไข้ไม่ค่อยรู้ตัว

ใครคือ “กลุ่มเสี่ยง”

มักจะพบในผู้ป่วยที่ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่เป็นชีวิตจิตใจ ไม่ชอบออกกำลังกาย ชอบนั่งอยู่กับที่นานๆ รวมไปถึงผู้ป่วยที่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารขยะหรือฟาสต์ฟู้ด อาหารปิ้งย่างและผู้ที่กินผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์น้อย คนที่ชอบมีปัญหากับการขับถ่ายก็ยิ่งมีความเสี่ยง

เจอแล้ว…รักษายังไง

ในระยะแรกนั้นแพทย์อาจจะใช้วิธีการผ่าตัด ซึ่งถ้าผ่าตัด เอาก้อนมะเร็งออกมาไม่หมด ก็จะต้องมีการฉายแสงและทำเคมีบำบัดร่วมด้วย

ลดไขมันสูง + เพิ่มกากใยอาหาร ช่วยได้!

สำหรับคนที่ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงๆ แล้วล่ะก็ งานนี้อาจจะต้องลดกันหน่อย เพราะนอกจากจะเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้แล้ว ยังเสี่ยงเป็นโรคอ้วนอีกด้วย หันมาทานผักผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูงๆ ดีกว่า เช่น ฝรั่ง แอปเปิล เพราะช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น และดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อป้องกันการอุดตันของลำไส้จากเส้นใยอาหาร

เช็คร่างกายสักนิด…เพื่อสุขภาพที่ดี

สำหรับบ้านไหนที่มีผู้สูงอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปก็อย่านิ่งนอนใจไป ควรจะพาไปตรวจเช็คด้วยเหมือนกัน เมื่อไหร่ที่พบว่ามีเลือดออกปนมากับอุจจาระ ก็ควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน นอกจากนี้ควรเข้ารับการส่องกล้องตรวจลำไส้ทุกๆ 3 – 5 ปีด้วย เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณและคนที่คุณรัก

พญ. ศิรินทร์ทิพย์ ศรีเดิมมา

อายุรแพทย์โรคทางเดินอาหาร และโรคตับ

ศูนย์ส่องกล้องทางเดินอาหาร และโรคตับ

โรงพยาบาลพญาไท 3